นายนพพร ศุภพิพัฒน์ หรือ “เสี่ยนพพร” หรือ “เสี่ยนิค” ถูกศาลอาญาออกหมายจับเพิ่มเติมอีกคดี ภายหลังจากไม่มาศาลตามกำหนดนัดและมีพฤติการณ์หลบหนีในคดีที่บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัด ยื่นฟ้องข้อหากระทำความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง

เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ.2561 มีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า ล่าสุด นายนพพร ศุภพิพัฒน์ หรือ “เสี่ยนพพร” หรือ “เสี่ยนิค” ถูกศาลอาญาออกหมายจับเพิ่มเติมอีกคดี ภายหลังจากไม่มาศาลตามกำหนดนัดและมีพฤติการณ์หลบหนีในคดีที่บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัด ยื่นฟ้องข้อหากระทำความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง โดยก่อนหน้านี้ นายนพพรก็เคยถูกศาลทหารออกหมายจับตกเป็นข่าวมาแล้วในคดีหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และคดีกรรโชกทรัพย์ กระทั่งหลบหนีออกจากไทยไปกบดานในต่างประเทศจนถึงปัจจุบัน

รายงานแจ้งว่า ศาลอาญาได้ออกหมายจับ “นายนพพร” อีกใบในคดีใหม่ล่าสุดนี้ เป็นหมายจับที่ 320/2561 ตามคดีหมายเลขดำที่ อ.3930/2559 คดีหมายเลขแดงที่ อ.763/2561 ออกเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2561 หลังไม่มาปรากฏตัวต่อศาล พฤติการณ์มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยหลบหนีคดี สืบเนื่องมาจากบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KPNET (เดิมคือบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอร์ยี่ฯ หรือ “REC”) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายนพพร กับพวกรวม 3 คน ในความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง

โดยคำฟ้องร้องระบุพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหา สืบย้อนไปตั้งแต่ช่วงต้นปี 2552 เรื่อยมา โดยขณะนั้นนายนพพรเป็นลูกจ้างของบริษัท REC (KPNET ในปัจจุบัน) ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ มีอำนาจกระทำการต่างๆ แทนบริษัทฯของโจทก์ มีพนักงานได้รับคำสั่งให้ทำเอกสารขอกู้ยืมเงิน เพื่อโยกเอาเงินสดในบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธา จำกัด และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ของโจทก์ ผันออกไป สร้างความเสียหายให้บริษัทของโจทก์หลายร้อยล้านบาท โดยแท้จริงแล้วไม่ได้มีการกู้ยืมเงินจริง ไม่มีแม้กระทั่งสัญญากู้ยืมเงิน

รายงานข่าวเผยด้วยว่า ช่วงกลางปี 2559 ฝ่าย KPNET หรือฝ่ายโจทก์ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าว รวมถึงว่าจ้างและปรึกษาประเด็นปัญหานี้กับบริษัทที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท จึงได้ค้นพบว่ามีการกระทำเป็นการลักเอาทรัพย์ของบริษัทฯ จึงเป็นเหตุให้ต้องยื่นฟ้องร้องนำคดีมาสู่ศาลในที่สุด ต่อมาศาลไต่สวนแล้วเห็นว่าคดีมีมูลจึงให้รับฟ้องไว้พิจารณา และในที่สุดศาลได้พิจารณาออกหมายจับนายนพพร เพราะเหตุพฤติการณ์หลบหนีคดีอีกใบ

สำหรับนายนพพร ปัจจุบันยังคงหลบหนีหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ในคดีหมิ่นเบื้องสูง ม.112 และข้อหาอื่นๆ โดยไปติดต่อจ้างวานแก๊งทวงหนี้ ซึ่งมีพฤติกรรมแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ไปอุ้มตัวนายบัณฑิต โชติวิทยะกุล เจ้าหนี้ของนายนพพรมาบีบบังคับให้ลดหนี้จากจำนวน 120 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน