นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในปี 2559 มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 1,546 โครงการ สูงกว่าปี 2558 ร้อยละ 56 ที่มีจำนวน 988 โครงการ มีมูลค่าเงินลงทุน 584,350 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 550,000 ล้านบาท และสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 196 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 197,740 ล้านบาท ซึ่งยอดขอรับส่งเสริมจากประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย สิงคโปร์ จีน เนเธอร์แลนด์ สะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทย โดยเฉพาะทิศทางการลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย

โดยกลุ่มที่มีมูลค่าขอรับส่งเสริมมากที่สุด ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์ เกษตร อุตฯการแพทย์ และดิจิทัล ขณะที่การอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแก่โครงการต่างๆในปี 2559 มีมูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 490,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ที่ 500,000 ล้านบาท

“ปีนี้บีโอไอคาดแนวโน้มการลงทุนจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดขอรับส่งเสริมการลงทุนและยอดอนุมัติการลงทุนในปีนี้มีมูลค่าอยู่ที่ 600,000 ล้านบาท เนื่องจากมาตรการเร่งรัดลงทุนในปี 2559 จะส่งผลให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในปีนี้จำนวนมาก ประกอบกับปัจจัยสำคัญที่หนุนการลงทุนภภาคเอกชน ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โอกาสลงทุนในกิจการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า การส่งเสริมลงทุนอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง รวมถึงโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ร่างพรบ.ส่งเสริมการลงทุนและร่างพรบ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะการวิจัยพัฒนา นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีขั้นสูง”

ทั้งนี้นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องการให้บีโอไอให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยดึงผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาสร้างระบบการบริหารจัดการ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับไทย เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและเพิ่มมูลค่า

นอกจากนี้ นางหิรัญญา กล่าวยืนยันว่า จากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการดึงการลงทุนโดยเฉพาะบริษัทอเมริกากลับไปลงทุนในประเทศนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในปี 2560 ซึ่งที่ผ่านมายอดขอรับส่งเสริมการลงทุนจากสหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 6 และจากการพูดคุยกับบริษัทอเมริกาที่ลงทุนในไทย หลายรายมีโอกาสขยายการลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตลาดส่งออกของบริษัทเหล่านี้จะอยู่ในแถบเอเชียเป็นส่วนใหญ่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน