ยอดใช้สิทธิ FTA และ GSP 10 เดือนโตเฉียด 9% มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ พุ่ง 62,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คต. มั่นใจตลอดทั้งปีสูงกว่าเป้าทะลุ 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ผู้ส่งออกแห่ใช้สิทธิ FTA – GSP – นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) แถลงการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) โดยในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.2561) มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ รวมอยู่ที่ 62,418.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์ฯ อยู่ที่ 75.02% ขยายตัวจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 8.98% โดยแบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) 58,391.46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการส่งออกภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) 4,026.73 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ปัจจุบัน ประเทศไทยได้จัดทำความตกลง FTA ทั้งสิ้น 12 ฉบับ และมีการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลง FTA คิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 58,391.46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 76.40% ของมูลค่าการส่งออกรวมภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไปยังประเทศคู่ภาคีความตกลง เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 8.82%

ในปี 2562 คาดว่าจะมีความตกลงการค้าเสรีที่มีผลบังคับใช้เพิ่มเติมอีก 1 ฉบับ คือ อาเซียน-ฮ่องกง (AHKFTA) ซึ่งได้ข้อสรุปในการเจรจารอบสุดท้ายเมื่อเดือนก.ค. 2560 ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการภายในของแต่ละประเทศสมาชิก เพื่อให้มีผลบังคับใช้ โดยความตกลงฯ ดังกล่าว ถือเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ส่งออกไทยที่สนใจจะใช้เป็นช่องทางให้สินค้าไทยเจาะตลาดจีนและตลาดอื่นๆ โดยใช้ฮ่องกงเป็นประตู (Gateway) ด้านการค้าและการลงทุนเชื่อมโยงไทยไปสู่ตลาดใหญ่อย่างจีนและตลาดในภูมิภาคอื่นทั่วโลก เนื่องจากฮ่องกงมีบทบาทสำคัญในนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) ของจีน และได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ จากจีนภายใต้ความตกลงทางการค้ากับจีน รวมถึงมีความเชี่ยวชาญในภาคบริการ โดยเฉพาะด้านการเงิน การค้า และโลจิสติกส์

นอกจากนี้ ยังมี FTA ใหม่ๆ ที่น่าติดตาม ซึ่งเพิ่งเริ่มเปิดการเจรจาและคาดว่าจะมีการเจรจาที่มีความคืบหน้าอย่างมากในปีหน้า ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีไทย-ศรีลังกา และความตกลงการค้าเสรีไทย-ตุรกี ซึ่งทั้งสองประเทศนี้เป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ และ FTA จะช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกให้แก่สินค้าไทย อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นประตูสู่การค้าและการลงทุนเชื่อมโยงไปภูมิภาคขนาดใหญ่ คือ เอเชียใต้ และสหภาพยุโรป ตามลำดับ

สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP โดยในปัจจุบันไทยยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP 5 ระบบ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราชนอร์เวย์ และญี่ปุ่น โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2561 (ม.ค.-ต.ค.) มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP เท่ากับ 4,026.73 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราการใช้สิทธิ 59.38% ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ GSP ขยายตัว 11.36%

โดยการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP สหรัฐอเมริกายังคงมีสัดส่วนการใช้สิทธิมากที่สุด คือประมาณ 90% ของมูลค่าการใช้สิทธิ GSP ทั้งหมด ซึ่งในช่วง 10 เดือนแรกของปี มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP สหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 3,606.77 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราการใช้สิทธิ 68.72% ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ GSP ซึ่งมีมูลค่า 5,248.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา 3.86% สินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ภายใต้ระบบ GSP สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ เครื่องดื่มอื่นๆ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง และรถจักรยานยนต์

โดยตลอดปี 2561 ได้ตั้งเป้าหมายอัตราการขยายตัวมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ไว้ที่ 9% คิดเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ประมาณ 70,794 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา คิดเป็น 88.2% ของเป้าหมายมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ โดยเมื่อพิจารณาถึงมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากการส่งออกของไทยที่มีการกระจายตัวในตลาดใหม่ๆ รวมทั้งการปรับปรุงระบบการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ กรมฯ จึงมั่นใจว่ามูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน