นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือมอบนโยบายให้กับสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ และเอกชนที่เป็นที่ปรึกษารายภูมิภาค ว่า ที่ประชุมมีการปรับเป้าหมายการส่งออกของไทยในปี 2560 ใหม่ จากเดิม 3% เป็น 5% เป็นเป้าหมายที่เห็นว่ามีความท้าทาย เพราะตลาดเกิดใหม่มีความต้องการสินค้าอุปโภค บริโภคสูง และราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง

แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตามอง คือ ค่าเงินที่ผันผวน การเปลี่ยนแปลงนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า รวมทั้งกระทรวงต้องให้ความสำคัญกับภาคการบริการ และการลงทุนให้มากขึ้นเพราะในอนาคตการแข่งขันด้วยการส่งออกสินค้าที่เป็นสิ่งของโดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ได้มีนวัตกรรม หรือมูลค่าเพิ่มจะไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไปแต่จะเน้นสินค้าที่มีนวัตกรรมและมูลค่าสูง รวมทั้งไทยมีศักยภาพในภาคบริการและการลงทุนอยู่แล้วแต่ภาคเอกชนต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มที่

โดยกระทรวงพาณิชย์ต้องเน้นการเจรจาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจรายประเทศ เพราะหากจะรอให้การเจรจาเปิดเสรีทางการค้า (เอฟทีเอ) หรือข้อตกลงอื่นๆที่ค้างอยู่ใช้เวลานานและไม่ค่อยมีความคืบหน้า แต่การเจรจาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจนั้น จะเน้นการเจรจาเฉพาะที่ไทยกับประเทศที่หารือมีผลประโยชน์ร่วมกันลงตัว ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมาย

“ไม่อยากให้เราไปฟังคำทำนาย การคาดการณ์อะไรมาก เพราะแต่ละภูมิภาคมีลักษณะไม่เหมือนกันปีที่แล้วใครๆ ก็บอกว่าทุกอย่างจะแย่แต่เราก็ทำได้ และปีนี้ก็ต้องทำให้ดีที่สุด โดยมีเอกชนเข้ามาเป็นที่ปรึกษารายภูมิภาค และสิ่งที่ต้องการอีกย่างคือ อยากให้เอกชนรายใหญ่ๆ จับมือกันออกไปลงทุนนอกประเทศ เช่น การไปลงทุนทำห้างสรรพสินค้า หรือร้านจำหน่ายสินค้าโดยเฉพาะสินค้าอาหารจากประเทศไทยโดยตรงในเมืองใหญ่ แทนการส่งออกวัตถุดิบไปให้ร้านค้าของต่างประเทศจำหน่าย ซึ่งหากมีเอกชนสนใจทำภาครัฐก็พร้อมจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่”นายสมคิดกล่าว

รายงานข่าวระบุว่า สำหรับเป้าหมายการขยายตัวการส่งออก ตลาดจีน ขยายตัว 4% ด้านตลาดสหรัฐฯ ตั้งเป้าส่งออกขยายตัว 3.2% ส่วนตลาดยุโรปตั้งเป้าขยายตัว 3% ขณะที่รัสเซีย และ CIS จะขยายตัวได้ 11.8% สำหรับตลาดอาเซียน ตั้งเป้าขยายตัว 5% เฉพาะ CLMV ตั้งเป้าขยายตัว 6.4%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน