รายงานพิเศษ

เป็นอีก 1 ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และโครงการที่อยู่อาศัย สำหรับบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ปีที่แล้วแม้จะอยู่ในช่วงที่ยากลำบากจากปัจจัยหลายๆ ประการ แต่ยังสามารถประสบความสำเร็จ ด้วยยอดขายทะลุ 2 หมื่นล้านบาท

ด้วยคุณภาพและชื่อชั้น ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมคนเมือง สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทย และตอกย้ำภาพลักษณ์ที่โกอินเตอร์ ด้วยการลุยธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ในเมืองใหญ่อย่างลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ต่อด้วยการจับมือกับดีไซเนอร์ระดับโลกเพื่อรังสรรค์ผลงานระดับไฮเอนด์ให้ลูกค้าในไทย ได้สัมผัสกับความมีระดับ นอกจากความสะดวกสบายและความปลอดภัย

สำหรับโครงการโกอินเตอร์ที่อังกฤษ คือ “9 Elvaston Place” ที่เซาท์เคนซิงตัน แหล่งช็อปปิ้งกลางเมืองระดับหรูเริ่ด ปิดการขายไปเรียบร้อย


แสนสิริจึงถือโอกาสเชิญสื่อมวลชนไทยบินไปสัมผัสบรรยากาศกรุงลอนดอน ซึมซับที่อยู่อาศัยระดับโลกพร้อมๆ กับแถลงเป้าหมายการตลาดในปี 2560 นำทริปโดย “นายอุทัย อุทัยแสงสุข” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียมแสนสิริ

ถึงไม่มีโอกาสชื่นชมโครงการ 9 Elvaston Place แต่นายอุทัย เล่าให้ฟังถึงรายละเอียด ว่า 9 Elvaston Place เป็นโครงการแรกของแสนสิริที่เกิดขึ้นในมหานครใหญ่ของโลก เป้าหมายคือการทำที่พักอาศัยในย่านกลางเมืองลอนดอนที่เหมาะกับคนไทย เพื่อให้ครอบครัวที่ส่งลูกหลานไปเรียน ได้ซื้อหรือเช่าไว้เป็นที่อยู่

สิ่งสำคัญของโครงการก็คือการตกแต่งภายใน เพราะต้องเข้าใจว่าอาคารในย่านเมืองเก่าของอังกฤษ เราไม่สามารถที่จะทุบแล้วสร้างคอนโดฯสูงได้ ต้องรักษารูปลักษณ์ภายนอกเอาไว้ แต่ภายในเราปรับปรุงใหม่หมดทั้ง 6 ห้อง

ให้มีบรรยากาศและสิ่งอำนวยความสะดวกในสไตล์คนไทย

ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เมื่อทั้ง 6 ห้องหมดเกลี้ยง แถมยังเป็นของคนไทยถึง 5 ห้อง

หลังประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แสนสิริยังหาทำเลทองในมหานครใหญ่ๆ เพื่อสร้างห้องพักที่อยู่อาศัย ตอบสนองทั้งคนไทยและต่างชาติอย่างไม่หยุดยั้ง


ส่วนในปี 2560 นี้ แสนสิริเตรียมเปิดตัว 8 โครงการ มูลค่ารวม 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะทะลุเป้าที่ตั้งไว้ได้ไม่ยาก

“8 โครงการใหม่ แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ 6 โครงการ และต่างจังหวัดอีก 2 โครงการ คือที่เชียงใหม่ และพัทยา โดยใน กทม. จะสานต่อความสำเร็จของโครงการที่ร่วมทุนกับบีทีเอส และเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องอีก 4 โครงการภายใต้แบรนด์ เดอะโมนูเมนต์ และเดอะเบส” นายอุทัยกล่าวและว่า พร้อมกันนี้เร่งทยอยโอนเดอะไลน์ สุขุมวิท 71 ที่เสร็จแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นโครงการแรกที่แสนสิริ กับบีทีเอสทำร่วมกัน ซึ่งจะรับรู้ผลกำไรในปีนี้ รวมทั้งจ่อคิวโอนโครงการเดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิตภายในเดือนก.ย. 2560

นอกจากการเจาะลูกค้าไทยแล้ว ยังขยายฐานลูกค้าใหม่ ในกลุ่มญี่ปุ่น และดูไบ ขยายฐานลูกค้าเดิมชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ให้มากยิ่งขึ้น

โดยในเดือนมี.ค.นี้ เตรียมโรดโชว์ใน 4 ประเทศ คือฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน ซึ่งตั้งเป้ายอดขายตลาดต่างชาติไว้ 7.4 พันล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มจากปีที่แล้วถึง 40%

ส่วนโครงการระดับไฮเอนด์มีแผนเปิดใจกลางเมืองย่านธุรกิจ 2 ทำเล ก็คือสุขุมวิท และทองหล่อ และพัฒนาเปิดตลาดใหม่อย่างเพชรเกษม และสาทร

และอีก 1 ไฮไลต์คือการเปิดตัวโครงการ “98 Wireless” (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) แฟลกชิปคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดทั้งในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนทำเลที่พักอาศัยระดับเอ็กซ์คลูซีฟ บนถนนวิทยุ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8.7 พันล้านบาท

รวมทั้งการสานต่อโครงการ “KHUN by YOO inspired by Starck” ในพื้นที่ใจกลางทองหล่อ มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท

การเดินทางไปอังกฤษครั้งนี้ นายอุทัยได้พาสื่อมวลชนเข้ารับฟังแนวคิดของ นายจอห์น ฮิทชค็อกซ์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YOO Design Studio ถึงที่ก่อสร้างคฤหาสน์หรูริมทะเลสาบ ที่ Lake By YOO ชานกรุงลอนดอน

นายอุทัยเปิดเผยว่า การริเริ่มนำดีไซเนอร์ระดับโลกเข้ามาร่วมงาน เพื่อให้ลูกค้าในไทยได้รับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตประจำวัน

แน่นอนว่าตามกฎหมายเมืองไทย ไม่อนุญาตให้ใช้สถาปนิกหรือผู้ออกแบบที่ไม่ใช่คนไทย เราจึงใช้ดีไซเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตกแต่งภายในเข้ามาทำงาน

โดยเอกลักษณ์ของยู สตูดิโอ เน้นความโก้หรูแต่ลงตัวด้วยวัตถุดิบสมัยใหม่ ไม่ย้อนยุคจนเกินไป เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานสิ่งเก่าและสิ่งใหม่ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว

และที่สำคัญ ต้องรู้สึกสนุก เพื่อให้ชีวิตที่อยู่กับอาคารชุด เหล่านี้ โลดแล่นไปในชีวิตประจำวันอย่างมีสีสัน

เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในงานดีไซน์ที่ผสมผสานงานศิลปะ

ใครสนใจแวะชมโครงการได้ เริ่มต้นที่ 15 ล้านบาทจน ถึง 100 กว่าล้านบาท

ไม่ใช่ว่าจะเน้นแค่โครงการหรูหราระดับไฮเอนด์เท่านั้น แต่แสนสิริยังคงรุกในตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด อาทิ ดีคอนโด รังสิต, ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท บางแสน, บ้านปลายหาด วงศ์อมาตย์ พัทยา ดีคอนโด นิม เชียงใหม่ ซึ่งเป็นคอนโดระดับ 1-3 ล้านบาท ซึ่งเข้าถึงผู้คนทุกระดับ

นอกจากนี้ นายอุทัยยังเน้นย้ำถึงการพัฒนาที่จะยกระดับ แสนสิริ ไม่ให้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย ด้วยแนวคิด Property Tech หรือพร็อพเพอร์ตี้ เทคโนโลยี โดยร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ ก่อตั้ง Venture Capital ในชื่อบริษัท สิริ เวนเจอร์ จำกัด SIRI VENTURE ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท

เพื่อลงทุนและพัฒนาในนวัตกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่ออนาคต และการใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัยหรือ “พร็อพเพอร์ตี้ เทคโนโลยี” (Property Technology) อย่างเต็มรูปแบบรายแรก ของไทย

การดำเนินธุรกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ สำหรับลูกค้าตลอดเวลา ยกระดับศักยภาพของ Home Service โมบายแอพพลิเคชั่น สำหรับลูกบ้านแสนสิริ เพื่อบริการรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมทุกมิติของการใช้ชีวิต และสามารถขยายขอบข่ายบริการในตลาดที่กว้างขึ้น

ปัจจุบัน Home Service มีจำนวนผู้ใช้ซึ่งเป็นลูกบ้านของแสนสิริแล้วจำนวนถึงกว่า 13,000 ราย ใน 135 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ยังได้นำระบบ Smart Home Integration มาใช้ โดยเปิดตัวใช้ที่โครงการ 98 Wireless และโครงการ The XXXIX (เดอะ เทอร์ทีไนน์) เป็นครั้งแรก

สำหรับพร็อพเทคนี้จะเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่าง ลูกบ้านกับเจ้าของโครงการ ทั้งในเรื่องการสั่งสินค้า บริการ ซ่อมแซมอาคาร ในอนาคตจะต้องพัฒนาถึงขั้นดูวงจรปิดในพื้นที่ต่างๆ ที่เป็นโซนรักษาความปลอดภัย หรือกระทั่งเช็กที่จอดรถว่าว่างหรือไม่

ในอนาคตถึงกับคิดถึงแนวทางของหุ่นยนต์ที่จะรับส่งของจากชั้นล็อบบี้ ไปส่งตามห้องต่างๆ ให้ผู้อยู่อาศัยหญิงสบายใจในการรับสินค้า

เพื่อลูกบ้านของแสนสิริ มีชีวิตที่สบายยิ่งขึ้น

ทั้งหมดคือย่างก้าวของแสนสิริ เพื่อให้”บ้าน”มีความหมายมากกว่า”ที่อยู่อาศัย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน