สนง.มาตรฐานสินค้าเกษตรฯ เล็งประกาศเงื่อนไขการค้าสินค้าอาหารฮาลาลระหว่างประเทศ

สนง.มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารฯ ถก คณะกรรมการกลางอิสลาม เล็งประกาศเงื่อนไขการค้าสินค้าอาหารฮาลาลระหว่างประเทศ หลังคู่ค้าใช้มาตรการเข้มงวด หวังเจาะตลาดที่มีศักยภาพ และมีผู้บริโภคมีกำลังซื้อสินค้าสูง

นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (สกอท.) อยู่ระหว่างร่างเงื่อนไขทางการค้า สินค้าอาหารฮาลาลระหว่างประเทศ คาดว่า จะประกาศใช้เร็วๆนี้ มกอช. และ จึงร่วมหาแนวทางสร้างความเข้มแข็งด้านการตรวจสอบและรับรองสินค้าอาหารและผลิตภัณฑ์ฮาลาล ดังกล่าว

ทั้งนี้ เพื่อให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศมุสลิม ที่มีแนวโน้มประชากรเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาประเทศมุสลิม มีการบังคับใช้ข้อกำหนด เกี่ยวกับการรับรองฮาลาลอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทย ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถจำหน่ายสินค้า ที่ได้รับการรับรองฮาลาลในประเทศนั้นๆได้

โดยแต่ละประเทศมีข้อกำหนด ด้านการรับรองฮาลาลที่แตกต่างกัน เช่น ข้อกำหนดเกี่ยวกับการยอมรับสินค้า ที่ได้รับการรับรองฮาลาล จากหน่วยรับรอง ฮาลาลต่างประเทศ และข้อกำหนด ด้านฮาลาลเกี่ยวกับโรงเชือดสัตว์ เป็นต้น

ปัจจุบันประชากรมุสลิมทั่วโลก มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 โลกมีจำนวนประชากรมุสลิมถึง 1.8 พันล้านคน จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ฮาลาลได้รับความสนใจ และมีความต้องการมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวมุสลิม ในประเทศคู่ค้าที่สำคัญ เช่น อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก โดยในปี 2561 มีประชากรประมาณ 227 ล้านคน

ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ปี 2560 มีจำนวนประชากรประมาณ 44 ล้านคน และกลุ่มประเทศคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) อันได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กาตาร์ และบาห์เรน ซึ่งเป็นตลาดนำเข้าอาหารฮาลาลที่มีศักยภาพที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ

“ผู้ประกอบการไทย เริ่มให้ความสนใจส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ไปประเทศคู่ค้าที่มีประชากรชาวมุสลิม อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มกอช. ในฐานะหน่วยงานผู้ประสานหลักด้านมาตรการ SPS ของไทย เห็นถึงความสำคัญ จึงเสริมสร้างความรู้ ให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อลดอุปสรรคในการดำเนินมาตรการสุขอนามัยพืชของไทย รวมถึงใช้ประกอบการเจรจา เปิดตลาดสินค้าเกษตรกับประเทศคู่ค้าด้วย”