นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา และผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ 20,000 ล้านบาท ภายในปี 2568 โดยเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 2561 ที่มีรายได้ 10,342 ล้านบาท หลังจากบริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายกำไรเพิ่มขึ้นเท่าตัว ภายในระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อปลายปี 2556 โดยในปี 2557 มีกำไรสุทธิที่ 548 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 1,206 ล้านบาท ในปี 2561

สำหรับกลยุทธ์สร้างการเติบโต โดยบริษัทจะมุ่งไปที่การหาตลาดใหม่ๆ โดยยังคงเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาและมีศักยภาพการเติบโตสูง ทั้งประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกากลางและตินอเมริกา แอฟริกาใต้เขตตอนใต้ทะเลทรายซาฮารา และประเทศในเครือรัฐเอกราช (ซีไอเอส) ซึ่งในปีนี้บริษัทได้เริ่มเข้าไปทำตลาดทั้งในประเทศเนปาล โคลัมเบีย เอธิโอเปีย และประเทศในแอฟริกามากขึ้น เนื่องจากมองว่าจะเป็นกลุ่มประเทศที่เติบโตดีในอีก 5-7 ปีข้างหน้า รวมไปถึงวางแผนการเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของบริษัทและต้องเป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในตลาดอยู่แล้ว ที่สำคัญต้องเป็นประเทศที่บริษัทไม่สามารถนำผลิตภัณฑ์ยาเข้าไปทำตลาด ซึ่งการเข้าไปซื้อกิจการจะเพิ่มโอกาสให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้นและมีรายได้เข้ามาทันที

โดยล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการโรงงานผลิตยาในปะเทศอินโดนีเซีย ขนาดของธุรกิจประมาณ 10-20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ภายใน 3 เดือนจากนี้ โดยจะเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทกับพันธมิตรในประเทศเมียนมา สัดส่วนการลงทุนฝ่ายละ 50% เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดยาในอินโดนีเซีย ซึ่งมีมูลค่าตลาด 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากจำนวนประชากรกว่าไทย 4 เท่า

นายวิเวก กล่าวด้วยว่า สัดส่วนรายได้หลักของบริษัท 85% ยังคงอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในจำนวนนี้เป็นไทยประมาณ 20% และที่เหลืออีก 15% เป็นกลุ่มประเทศแอฟริกา และละตินอเมริกาใหม่ ขณะเดียวกันในส่วนของแผนการลงทุนในปีนี้ซึ่งต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่ได้วางงบประมาณลงทุน 1.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุน 500 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมา เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า โดยจะเป็นโรงงานผลิตแห่งใหม่ซึ่งอยู่ติดกับโรงงานปัจจุบันที่บางปู คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปีหน้า ส่วนเงินลงทุนอีก 600 ล้านบาท จะใช้สำหรับก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ประเทศเมียนมา ภายใต้กิจการร่วมค้า เมก้า เอ็มเอสเอ็น สำหรับผลิตยารักษาโรคใหม่ เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง ยารักษาโรคเบาหวาน และยารักษาโรคหัวใจ โดยคาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ในปี 2565 พร้อมทั้งได้เปิดศูนย์กระจายสินค้า 14,000 ตร.ม. ใหญ่ที่สุดในเมียนมา เพื่อสนับสนุนธุรกิจโลจิสติกส์และการบริการกระจายสินค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงเงินลงทุนอีก 100 ล้านบาท ได้ใช้ในการก่อสร้างสำนักงานในเทศเมียนมา เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน