นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้รวมในครึ่งปีแรก จำนวน 3,001 ล้านดอลลาร์สรอ. (เทียบเท่า 94,830 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 17 จาก 2,562 ล้านดอลลาร์สรอ. (เทียบเท่า 81,343 ล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยมีปัจจัยหลักจากปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 326,971 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จาก 297,999 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลจากการเข้าซื้อสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเติมในแหล่งบงกช ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 47.26 ดอลลาร์สรอ.ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 45.51 ดอลลาร์สรอ.ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในช่วงเดียวกันของปี 2561 ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปี 2562 ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิ 827 ล้านดอลลาร์สรอ. (เทียบเท่า 26,163 ล้านบาท) สูงขึ้นร้อยละ 54 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 536 ล้านดอลลาร์สรอ. (เทียบเท่า 16,971 ล้านบาท) ในขณะที่ต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 30.24 ดอลลาร์สรอ.ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งอยู่ในระดับที่บริษัทคาดการณ์ไว้

ส่วนผลประกอบการของไตรมาส 2 ปี 2562 นั้น ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิ 433 ล้านดอลลาร์สรอ. (เทียบเท่า 13,684 ล้านบาท) จาก 113 ล้านดอลลาร์สรอ. (เทียบเท่า 3,590 ล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักจากปัจจัยบวกจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้มีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (non-recurring items) รวม 44 ล้านดอลลาร์สรอ. เมื่อเทียบกับการรับรู้ขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติรวม 223 ล้านดอลลาร์สรอ. ในไตรมาส 2 ปี 2561 ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง

จากผลประกอบการดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2562 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานของ ปตท.สผ. งวด 6 เดือนแรกปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 2.25 บาท โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 8 สิงหาคม 2562 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 สิงหาคม 2562

ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการเมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทรับรู้ปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 48,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปริมาณการขายเฉลี่ยเป็นไปตามเป้าหมายของปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 345,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน

“แผนงานจากนี้ไป ปตท.สผ. จะให้ความสำคัญกับเปลี่ยนผ่านสิทธิการดำเนินการ (Transition of Operations) ให้เป็นไปอย่างราบรื่น โดยในส่วนโครงการที่ได้จากการเข้าซื้อกิจการของเมอร์ฟี่ฯ ในประเทศมาเลเซียนั้น บริษัทได้ตั้งทีมงานขึ้นโดยเฉพาะเพื่อดูแลเกี่ยวกับการโอนการดำเนินงาน สำหรับ แปลง G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และแปลง G2/61 (แหล่งบงกช) ซึ่ง ปตท.สผ. ชนะการประมูลนั้น อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติและผู้ดำเนินการปัจจุบันของแปลง G1/61 เรื่องการประสานงานเพื่อเข้าพื้นที่ภายในปีนี้ เพื่อให้ ปตท.สผ. สามารถวางแผนการลงทุนล่วงหน้า เช่น การติดตั้งแท่นและหลุมเจาะที่จะใช้ในปี 2565 เมื่อบริษัทเข้าเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานในประเทศได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง” นายพงศธร กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน