เอกชนยกขบวนกดดันแบงก์ชาติดูแลค่าเงินบาท ส.อ.ท. ตีปี๊บไทยรับมือสงครามค่าเงิน -ชี้ส่งออกทั้งปีนี้ที่คาดว่าติดลบ 1% อาจจะยืนไม่อยู่

เอกชนกดดันแบงก์ชาติดูแลเงินบาท – นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังต้องเผชิญความท้าทายจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ที่มีความเสี่ยงจะรุนแรงมากขึ้น ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาท ที่สร้างแรงกดดันต่อทิศทางเศรษฐกิจให้มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดย กกร. คาดการณ์เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2562 ขยายตัวต่ำกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัว 2.8% เห็นได้จากเครื่องเศรษฐกิจไทยทั้งการส่งออกและการใช้จ่ายในประเทศมีสัญญาณที่อ่อนแรงลงต่อเนื่อง

นอกจากผลกระทบจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ที่เตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้าในอัตรา 10% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ และจีนได้ปรับค่าเงินหยวนอ่อนค่าหลุดระดับ 7 หยวนต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 11 ปี จะมีความเสี่ยงรุนแรงมากขึ้น ความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทแกว่งตัวผันผวนและอาจแข็งค่าขึ้นอีก จากที่ผ่านมาตั้งต้นปีเงินบาทของไทยแข็งค่าแล้ว 5.9% และแข็งค่าที่สุดเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาคเดียวกัน เป็นแรงกดดันที่ไม่เอื้อต่อการฟื้นตัวของการส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้

“ในช่วงที่เหลือของปีนี้ต้องหวังพึ่งพาการใช้จ่ายภายในประเทศ การออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในระยะสั้นจากภาครัฐเพื่อเรียกความเชื่อมั่นภาคเอกชน รวมถึงบรรเทาผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง ขณะนี้ยังไม่ได้ประเมินภาพเศรษฐกิจที่เลวร้ายสุด ขอเวลาติดตามสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัยทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดภายใน 3 เดือน เพื่อประเมินทิศทางการปรับตัวของเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยอีกครั้ง โดยยอมรับว่าหากเหตุการณ์รุนแรงกว่าที่คาดไว้ การส่งออกที่คาดว่าจะติดลบ 1% อาจจะยืนไม่อยู่”นายปรีดี กล่าว

ปัจจุบัน กกร. ยังคงประมาณการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ทั้งปีคาดโตอยู่ที่ 2.9-3.3% จากปีก่อนโต 4.1% การส่งออกคาดติดลบ 1% หรือขยายตัวได้เพียง 1% จากปีก่อนโต 6.9% เงินเฟ้อคาดโต 0.8-1-2%

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รู้สึกเซอร์ไพรส์ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เหลือ 1.5% ถือเป็นการช่วยลดแรงกดดันค่าเงินบาท แต่ก็อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หามาตรการอื่นเข้ามาดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่ากว่าประเทศอื่นด้วย เพราะมองว่าการดูแลค่าเงินถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากต้องรับมือสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ที่ขณะนี้กลายเป็นสงครามค่าเงินแล้ว ไทยจึงต้องหาแนวทางรับมือ

สุพันธุ์ มงคลสุธี








Advertisement

โดยในช่วงเย็นวันที่ 8 ส.ค. 2562 (พรุ่งนี้) ส.อ.ท. มีกำหนดการเข้าพบนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท. เพื่อหารือถึงแนวทางการดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ในขณะนี้ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย รวมถึงแนวทางผลักดันการใช้เงินสกุลท้องถิ่นค้าขายกันเองในภูมิภาค เพื่อลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน

“ภาคเอกชนเห็นว่าแนวทางที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง รัฐบาลต้องหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและระยะกลาง โดยเน้นกระตุ้นการบริโภคในประเทศเป็นหลักเพื่อให้เกิดการใช้จ่าย จะเป็นรูปแบบใดก็ได้ รวมถึงมาตรการทางภาษีให้เกิดประโยชน์โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตรและภาคอสัหาริมทรัพย์ อีกทั้งต้องการให้ภาครัฐเร่งผลักดันการอำนวยความสะดวกในการลงทุนเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ”นายสุพันธุ์ กล่าว

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออกของไทยไปยังประเทศจีนและสหรัฐยังคลุมเครือ สภาหอฯ มีกำหนดการเข้าพบกับธปท.เช่นกัน ในช่วงบ่ายของวันที่ 8 ส.ค.นี้ และในนามคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ชุดเล็ก มีกำหนดการเข้าพบนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ วันที่ 14 ส.ค.นี้ เพื่อหาแนวทางกระตุ้นการส่งออกและการค้าชายแดนด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน