นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยในโอกาสตรวจเยี่ยมกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ว่า มอบนโยบายให้กพร.เตรียมความพร้อมวัตถุดิบแร่ แหล่งแร่ โดยเฉพาะกลุ่มแร่หินก่อสร้างที่ในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนน ท่าเรือ สนามบิน รถไฟ และอาคารโรงงาน รองรับการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เนื่องจากประเมินความต้องการใช้หินก่อสร้างในช่วง 5 ปี ระหว่างพัฒนาพื้นที่อีอีซีไม่ต่ำกว่า 100 ล้านตันต่อปี เพิ่มจากปริมาณการใช้หินก่อสร้างทั่วประเทศ 120 ล้านตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าเฉพาะวัตถุดิบประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ให้กพร. ประเมินแหล่งแร่ในประเทศ เทียบกับความต้องการใช้ในอนาคต และแนวโน้มการลงทุนของผู้ประกอบการ หากแหล่งแร่ในประเทศไม่เพียงพอควรหาวัตถุดิบทดแทน อาทิ การรีไซเคิลจากของเสียที่มีแร่เป็นส่วนผสม เน้นย้ำให้การประกอบกิจการเหมืองแร่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน

ส่วนกรณี บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ครอบคลุม 3 จังหวัด (พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์) ขอเจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อขอยุติข้อพิพาทนั้น ล่าสุดยังรอคิงส์เกตประสานเข้ามา คาดเดือนก.ย.นี้ จะมีความชัดเจนก่อนขึ้นศาลวันที่ 18 พ.ย.นี้

นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดี กพร. กล่าวว่า ได้เสนอรมว.อุตสาหกรรม ปลดล็อกการลงทุนกิจการเหมืองแร่ในเขตพื้นที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ที่ห้ามทำกิจการอื่นนอกจากการเกษตรประกอบกิจการ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนใหม่ประมาณ 50 แปลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจการเหมืองหินกระจายหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยรมว.อุตสาหกรรม จะประสานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือผ่อนปรนให้เกิดการลงทุนเหมืองแร่ในส.ป.ก. ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน