นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวในงานสัมมนาความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ภายใต้นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือ One Belt One Road ว่า ขณะนี้ฮ่องกงมีแนวคิดจัดตั้งเขตการค้าเสรีทันสมัย (โมเดิร์น เอฟทีเอ) ระหว่างฮ่องกงกับอาเซียน โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) กระจายสินค้าของภูมิภาค

ทั้งนี้ เนื่องจากไทยมีความโดดเด่นเรื่องทำเลที่ตั้งและทักษะแรงงาน สอดคล้องกับไทยที่ต้องการยกระดับภาคการผลิตและภาคบริการสู่ยุค 4.0 โดยการเชื่อมเศรษฐกิจไทยกับเศรษฐกิจจีนผ่านนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (วัน เบลท์ วัน โรด) ซึ่งนโยบายดังกล่าวต้องใช้ฮ่องกงที่เป็นเมืองสำคัญด้านการค้าลงทุนของจีนเป็นตัวขับเคลื่อน เพราะฮ่องกงเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และยินดีให้ความช่วยเหลือไทยด้านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน พร้อมพัฒนาบุคลากรไทยให้มีศักยภาพมากขึ้น

ขณะเดียวกันไทยจะสร้างความเข้มแข็งจากภายใน โดยการต่อยอดโครงการอีสเทิร์น ซีบอร์ด ไปสู่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อให้การขนส่งสินค้าและบริการกับประเทศคู่ค้ามีความสะดวกมากขึ้น เช่น โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โครงการรถไฟความเร็วสูง และโครงการท่าเรือจุกเสม็ด จ.ระยอง รวมถึงจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอล เพื่อเชื่อมโยงการค้าออนไลน์

อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมาฮ่องกงมีมูลค่าขอรับส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท และมีการลงทุนเฉพาะในอีอีซีสูงถึง 1.1 หมื่นล้านบาท โดยหากมองภาพรวมทั้งประเทศจะพบว่า ปีที่ผ่านมานักธุรกิจฮ่องกงเข้าลงทุนในไทยกว่า 2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอันดับที่ 5 ของมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และเพียงไตรมาส 1 ปีนี้ ฮ่องกงก็มีมูลค่าการลงทุนในไทยสูงเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น คาดหลังจากที่ไทยได้เดินทางไปเจรจาความร่วมมือกับฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่าการลงทุนของฮ่องกงในไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ว่าปีนี้รัฐบาลจะเร่งรัดโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมเร็วขึ้น โดยเฉพาะ 3 โครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่อีอีซี ได้แก่ โครงการท่าอากาศยานอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูง และการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก อีกทั้งช่วงเดือนมิ.ย.นี้ ไทยจะลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างไทยและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นรูปแบบความร่วมมือเดียวกันกับฮ่องกงในครั้งนี้ เพื่อผลักดันความร่วมมือในพื้นที่อีอีซีด้วย

ด้านนายวินเซนต์ โล ประธานองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง กล่าวว่า ยุทธศาสตร์วัน เบลท์ วัน โรด ต้องใช้ทรัพยากรทั้งภายในและภายนอกประเทศจำนวนมาก ซึ่งฮ่องกงมีความพร้อมจะเป็นศูนย์กลางการลงทุน และพร้อมที่จะลงทุนร่วมกับไทยเป็นประเทศแรก เนื่องจากมองว่าไทยมีศักยภาพหลายด้าน โดยการเดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ ต้องการที่จะสร้างโอกาสและความร่วมมือกับภาคเอกชนของไทยให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน