นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมกับผู้ผลิตผู้จำหน่ายรายใหญ่ จำนวน 7 ราย และห้างค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ จำนวน 4 ราย เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน โดยเฉพาะการปรับลดขนาดบรรจุ ว่า จากที่มีประเด็นข่าวการขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทางอ้อมด้วยการลดปริมาณและขนาดบรรจุภัณฑ์ แต่จำหน่ายในราคาเดิมนั้น กรมการค้าภายใน ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งพบว่าขณะนี้ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่จำหน่ายในราคาคงเดิม

โดยมีผู้ผลิตสินค้าบางรายการที่มีการปรับลดขนาดบรรจุและได้ลดราคาลงตามสัดส่วนขนาดบรรจุที่ลดลงด้วย แต่พบว่ามีเพียงสินค้า 2 ชนิด ได้แก่ ครีมอาบน้ำ ตราโพรเทคส์ และน้ำยาซักฟอก ตราบรีส เอ็กเซล ที่มีการปรับขนาดบรรจุลดลงแต่ราคาจำหน่ายคงเดิม แต่เป็นเพราะได้ลดราคาจำหน่ายลงมาก่อนแล้ว

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ครีมอาบน้ำ ตราโพรเทคส์ ขนาดบรรจุเดิม 500 มล. ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำที่ กรมการค้าภายในพิจารณาตามข้อมูลต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ผู้ผลิตได้แจ้ง (ตั้งแต่ปี 2557) กำหนดที่ 184 บาท แต่มีการลดราคาจำหน่ายปลีกเหลือ 165 บาท ปัจจุบันเลิกผลิตขนาดนี้แล้วโดยตั้งแต่เดือนเม.ย. 2560 บริษัทได้ปรับลดขนาดบรรจุเหลือ 450 มล. (เปลี่ยนกลิ่น) ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำอยู่ที่ 165 บาท ราคาจำหน่ายในห้างค้าปลีก 165 บาท ซึ่งเป็นราคาเดิมและไม่สูงกว่าราคาจำหน่ายปลีกแนะนำ

น้ำยาซักฟอก ตรา บรีส เอ็กเซล ขนาดบรรจุเดิม 800 มล. ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำ (ตั้งแต่ปี 2557) กำหนดที่ 85 บาท จำหน่ายในห้างค้าปลีก 79 บาท (ปัจจุบันเลิกผลิตแล้ว) และตั้งแต่เดือนเม.ย. 2560 ปรับลดขนาดบรรจุลดลงเหลือ 750 มล. ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำ 80 บาท ราคาจำหน่ายในห้างค้าปลีกเท่าเดิม 79 บาท ซึ่งอาจเป็นการปรับราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปริมาณที่ลดลงเล็กน้อย แต่ยังไม่สูงกว่าราคาปลีกแนะนำ

นายสนธิรัตน์ กล่าวย้ำอีกว่า การที่ผู้ผลิตปรับขึ้นราคาปรับขึ้นราคาไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายสามารถทำได้หากไม่ได้เกินเพดานราคาแนะนำที่แจ้งไว้กับกรมซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการลดราคาสินค้าลงมาแล้วและไม่ได้ปรับขึ้นราคาอีก เมื่อต้นทุนราคาสูงขึ้นก็ต้องปรับขึ้นบ้าง

และในสัปดาห์หน้าทางผู้ประกอบการจะรายงานต้นทุนที่อ้างว่าเป็นพวกสารเคมีที่ใช้ผลิตหลายชนิดมีราคาสูงขึ้นมายังกรมการค้าภายในอีกครั้ง และระหว่างนี้สินค้าที่บริษัทได้วางจำหน่ายแล้วก็ยังขายได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามต่อไปนี้ กระทรวงพาณิชย์ก็ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตแจ้งมายังกรมการค้าภายในก่อนที่จะปรับเปลี่ยนราคา ขนาดบรรจุภัณฑ์ต้องแจ้งมายังกรมก่อน 15-30 วัน จากนั้นหากจะวางจำหน่ายทางห้างค้าปลีกก็ต้องแจ้งสอบถามมายังกรมอีกว่าทางผู้ผลิตได้แจ้งการปรับเปลี่ยนขนาดและราคามายังกรมแล้วหรือยังหากยังไม่แจ้งก็ยังไม่ให้เอาเข้าไปวางขาย ซึ่งมาตรการดังกล่าวยังไม่มีบทลงโทษ แต่เป็นเพียงมาตรการที่ขอความร่วมมือเท่านั้น

“คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปควบคุมราคาสินค้าที่อยู่ในท้องตลาดทุกอย่างได้ เพราะไม่อยากไปรบกวนกลไกการตลาด แต่เราจะดูแลให้ทุกฝ่ายให้ได้รับความเป็นธรรม ประชาชนเองก็ต้องรู้จักเลือก เปรียบเทียบราคาสินค้า ขนาดก่อนจะเลือกซื้อของแต่ละชนิดเราจึงรณรงค์โครงการฉลาดซื้อ ประหยัดใช้ ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวงต้องการให้ประชาชนประหยัดรายจ่ายในการซื้อสินค้า”

ทั้งนี้ หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการ สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หากพบว่าผู้ประกอบการจงใจจำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร จะดำเนินการตามกฎหมายซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน