กรมชลประทาน ลั่น 100 วันแล้งอันตราย เขตลุ่มเจ้าพระยาจะใช้น้ำได้ไม่เกิน 1,800 ล้านลบ.ม. เท่านั้น แบ่งรอบสูบน้ำประปา ส่วนนาปรังเกินแผน 1.75 ล้านหมดสิทธิ์ ใช้ ด้านน้ำเค็มรุกอีก 24-26 ม.ค.นี้

กรมชลฯ ลั่น 100 วันแล้ง – นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน (ด้านบำรุงรักษา) เปิดเผยว่า ในโค้งสุดท้าย 100 วันของฤดูแล้งที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย. นี้ มีปริมาณน้ำที่ใช้การได้ในเขตลุ่มเจ้าพระยา ที่มาจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 เขื่อน คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพียง 3,931 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็น 22% ของปริมาณน้ำใช้การได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกันไว้เพื่อการบริโภคอุปโภค และรักษาระบบนิเวศ เท่านั้น

ซึ่งตามแผนของกรมชลประทานจะระบายน้ำใน 100 วันนี้รวมประมาณ 1,800 ล้านลบ.ม. หรือวันละ 18 ล้านลบ.ม. โดยจะระบายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อไล่น้ำเค็มในวันที่ 24-26 ม.ค. แต่จะอยู่ในปริมาณที่ไม่เกินจากแผน กรณีที่การไล่น้ำเค็มต้องการใช้น้ำมากกว่านี้ กรมชลประทานจะผันน้ำจากแม่กลอง ที่ขอไว้ในปีนี้รวม 850 ล้านลบ.ม. ปัจจุบันใช้ไปเพียง 350 ล้านลบ.ม.

ดังนั้นการทำนาปรังในเขตชลประทาน ลุ่มเจ้าพระยา ที่มีอยู่ 1.75 ล้านไร่ จึงจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากปริมาณน้ำดังกล่าว และเพื่อป้องกันไม่ให้เกษตรกรนำน้ำไปใช้ กรมชลประทานจะงดนำน้ำเข้าระบบ ส่วนผู้ใช้น้ำเพื่อการประปา จะกำหนดให้สูบเป็นบางช่วงเวลา เท่านั้น รวมทั้งได้ขอความร่วมมือกับส่วนปกครองท้องถิ่นให้เพิ่มความเข้มงวดของการขโมยสูบน้ำด้วย แผนดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้ยังมีปริมาณน้ำเหลือเพื่อสำรองไว้ใช้ช่วงต้นฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพ.ค.-ก.ค. ที่กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุแล้วว่าฝนจะมีน้อยและตกล่าช้า หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนดังกล่าว เขตลุ่มเจ้าพระยาจะมีน้ำอุปโภคบริโภคและระบบนิเวศ ยาวไปจนถึงเดือนก.ค.

สำหรับแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2562/2563 (ระหว่าง 1 พ.ย. 2562-30 เม.ย. 2563) เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในเขตชลประทาน มีปริมาณน้ำจัดสรรจากอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 17,699 ล้านลบ.ม. น้อยกว่าปีที่แล้วประมาณ 7,000 ล้านลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก มีปริมาณน้ำจัดสรรรวมทั้งสิ้น 4,000 ล้านลบ.ม. น้อยกว่าปีที่แล้ว 3,700 ล้านลบ.ม. ด้านผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งทั้งประเทศ ปัจจุบัน (21 ม.ค. 2563) มีการระบายน้ำตามแผนฯ ไปแล้วจำนวน 7,234 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 41% ของแผนจัดสรรน้ำฯ เฉพาะในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการระบายน้ำตามแผนฯไปแล้วจำนวน 2,134 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 53% ของแผนจัดสรรน้ำฯ

ด้านการบริหารจัดการน้ำเพื่อควบคุมค่าความเค็มในลุ่มน้ำปราจีน-บางปะกง นั้น กรมชลประทาน ได้วางแผนควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะกง โดยการระบายน้ำจากเขื่อนขุนด่านปราการชล ในช่วงเดือนธ.ค. 2562 รวม 4.5 ล้านลบ.ม. และระบายน้ำจากเขื่อนนฤบดินทรจินดา รวม 7.7 ล้านลบ.ม. เพื่อชะลอความเค็มในแม่น้ำบางปะกง ทั้งนี้ ยังได้ให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต รับน้ำผ่านประตูระบายน้ำ (ปตร.) บางขนาก เข้าคลองบางขนากและคลองข้างคันกั้นน้ำ ในช่วงที่ค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะกงบริเวณปากคลองบางขนากไม่เกิน 1 กรัมต่อลิตร รวมไปถึงการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำบริเวณปากคลองบางขนาก เพื่อเร่งระบายน้ำเข้าคลองบางขนากและคลองข้างคันกั้นน้ำ ในช่วงที่ค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะกงต่ำกว่า 1 กรัมต่อลิตร สำหรับสำรองน้ำไว้ใช้ในคลองบางขนากให้ได้มากที่สุด เพื่อให้การผลักดันความเค็มในแม่น้ำบางปะกงให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

“แนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำดิบในการผลิตประปาในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้น กรมชลประทาน ได้ร่วมหารือกับการประปาส่วนภูมิภาคจ.ฉะเชิงเทรา เพื่อวางมาตรการในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำดิบผลิตประปา โดยเบื้องต้นจะเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จากนั้นจะเพิ่มการรับน้ำเข้าสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก ผ่านประตูระบายน้ำมโนรมย์ พร้อมกับเพิ่มปริมาณน้ำ ผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ เพื่อลำเลียงน้ำลงสู่ทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง”

นอกจากนี้ ยังจะพิจารณาเพิ่มการระบายน้ำ ผ่านคลอง 29 ไปลงคลองระบายน้ำที่ 15 คลองระบายน้ำที่ 13 คลองบึงฝรั่ง และคลองพระองค์ไชยานุชิต ตามลำดับ คาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับผลิตประปาในเขตพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากประชาชนที่อาศัย อยู่ตามแนวคลองส่งน้ำต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ให้งดการใช้น้ำในระยะนี้ ยกเว้นการใช้น้ำเพื่อผลิตประปาตามรอบเวรที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน จะดำเนินการบริหารจัดการน้ำตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด เพียงพอใช้ต่อการอุปโภคบริโภค การผลิตประปา และรักษาระบบนิเวศ ไปจนถึงต้นฤดูฝนปีหน้า จึงขอให้ทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน