รายงานพิเศษ

พิริยาพร ปัดชาวดี

นําคณะสื่อมวลชนไทยเดินทาง ไปถึงนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน นครแห่งธุรกิจสำคัญของโลก เพื่อแสดงวิสัยทัศน์และเปิดแผนธุรกิจในอนาคตของธนาคารซีไอเอ็มบีไทย

นำทริปโดย ‘นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ’ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นำคณะผู้บริหารธนาคารซีไอเอ็มบีไทย แถลงเป้าหมายจะพาธนาคารเติบโตก้าวขึ้นเป็นธนาคารระดับกลางที่แข็งแกร่งที่สุดด้านอาเซียนในประเทศไทยภายในปี 2565

แผนระยะสั้นสำหรับปี 2560 จะเร่งปรับปรุงผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นภายในปีนี้ ด้วยการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ กระชับขั้นตอนการทำงาน เร่งสร้างการเติบโตของรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพใช้เงินกองทุนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ดีที่สุด

จากการประเมินแรงขับเคลื่อนหลักของประเทศไทยในปี 2560 ว่าจะมาจากการท่องเที่ยวและการลงทุนของภาครัฐในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ อุตสาหกรรมภาคธนาคารพาณิชย์ของไทยยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าสนใจที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563 ดังนั้น

ประเทศไทยจะยังคงเป็นตลาดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในระยะยาวสำหรับ CIMB Group

นายกิตติพันธ์กล่าวว่า เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายประการในภาคอุตสาหกรรมธนาคารของไทย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านดิจิตอล คณะผู้บริหารจึงได้กำหนดโรดแม็ป 5 ปีเพื่อนำทางไปสู่แนวปฏิบัติด้านการธนาคารรูปแบบใหม่

“เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในบริบทที่เปลี่ยนไป นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นของการทำธุรกิจ ซึ่งพวกเราคณะผู้บริหารต่างมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการจะพาธนาคารเติบโตก้าวขึ้นเป็นธนาคารระดับกลางที่แข็งแกร่งที่สุดด้านอาเซียนในประเทศไทย” นายกิตติพันธ์กล่าว

ส่วนโรดแม็ป 5 ปีหลังจากนี้ ซีอีโอของซีไอเอ็มบีไทยแจกแจงว่า จะแบ่งเป็น 3 ช่วง

ช่วงที่ 1 ปี 2560-2561 จะเป็นช่วงเวลาแห่งการเร่งปรับปรุงผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นในเวลาอันสั้น โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ กระชับขั้นตอนการทำงาน เร่งสร้างการเติบโตของรายได้ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินกองทุนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ดีที่สุด

ในช่วงนี้ธนาคารจะใช้ความเชี่ยวชาญของที่ปรึกษาระดับโลกเป็นช่วงเวลาแห่งการปรับปรุงผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นในเวลาอันสั้น เพื่อช่วยตรวจสอบความเหมาะสม สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ถือหุ้น ลูกค้า และพนักงาน

ช่วงที่ 2 ปี 2562-2563 เป็นช่วงเวลาแห่งการเพิ่มขีดความสามารถและเร่งเครื่องยนต์ ธนาคารจะแสวงหาโอกาสใหม่ๆ จากธุรกิจหลัก อันได้แก่ ธุรกิจลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ธุรกิจไพรเวตแบงกิ้ง และดิจิตอลแบงกิ้ง ซึ่งเราเห็นโอกาสที่ดีมากในการเติบโตในธุรกิจเหล่านี้ และถ้าเราทำได้ จะช่วยให้เราเติบโตได้ก้าวกระโดดในเวลาอันสั้น

ช่วงที่ 3 ปี 2564-2565 จะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการวิ่งเข้าสู่เป้าหมายในการเป็นธนาคารขนาดกลางระดับแถวหน้าของประเทศไทยที่มีจุดแข็งด้านอาเซียนภายในปี 2565 โครงการเปลี่ยนแปลงการทำงาน (Transformation Roadmap) ประสบความสำเร็จตามแผน ก้าวเป็นธนาคารที่แข็งแกร่ง พร้อมต่อการควบรวมและซื้อกิจการเมื่อมีโอกาสเข้ามา และเป็นธนาคารที่บุคลากรผู้มีความสามารถอยากร่วมงานด้วย

เมื่อถามถึงยุทธศาสตร์หลักในปี 2560 นายกิตติพันธ์กล่าวว่า จุดหลักๆ ที่ต้องปรับปรุงคือ การบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ ความสามารถในการทำกำไร และการใช้ประโยชน์จากเงินกองทุนให้มีประสิทธิภาพ 3 ข้อนี้นับเป็นหัวใจหลักของการบริหารในปีนี้ เรามีมุมมองเป็นบวกในธุรกิจลูกค้ารายย่อย ธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่ ธุรกิจบริหารเงิน (Treasury) ขณะเดียวกัน มีความพร้อมรุกธุรกิจลูกค้าเอสเอ็มอี หลังได้ปรับโครงสร้างภายในเรียบร้อยเมื่อปีที่ผ่านมา

สำหรับยุทธศาสตร์หลักคือ การเดินหน้าลงทุนในโอกาสใหม่ๆ ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต เช่น ดิจิตอล แบงกิ้ง และการชะลอธุรกิจที่ไม่ทำกำไร ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับ 5Cs-Customer, Culture, Compliance, Cost และ Capital

ธนาคารจะปรับโมเดลจาก “สาขา” สู่ “Wealth center” เพื่อให้บริการลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น ด้วยบริการที่ดีขึ้น ขณะเดียวกัน จะขยายขอบเขตความร่วมมือกับพันธมิตรในปัจจุบัน และจับมือกับเครือข่ายพันธมิตรรายใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น

สุดท้ายคือการเดินหน้ายุทธศาสตร์ดิจิตอลแบงกิ้ง เตรียมความพร้อมในการฉีกรูปแบบธุรกิจเดิมๆ สู่รูปแบบใหม่ ต่อยอดจากสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว และแสวงหานวัตกรรมที่จะช่วยให้ธนาคารแข่งขันได้ในตลาด

นอกจากนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจโดยมุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์และประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานและความสามารถของพนักงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างยั่งยืน

สำหรับธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่จะมุ่งเน้นการให้บริการแก่บริษัทเอกชนที่มีเป้าหมายมุ่งสู่การไปอาเซียนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากธุรกิจนี้ ผ่านการขายผลิตภัณฑ์ข้ามกลุ่ม (cross-sell) นอกจากนี้เราจะเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจต่อไปโดยการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน ควบคุมต้นทุน และบริหารผลกำไรอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

สุดท้ายตั้งเป้าหมายที่จะกลับมาสร้างผลกำไรในปี 2560 ซีไอเอ็มบีไทยจะเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) เป็นกว่า 6% อัตราการเติบโตของสินเชื่อและธุรกรรมตลาดเงิน 5-10% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) เพิ่มเป็น 3.8% โดยประมาณ

ทั้งหมดนั้นคือโรดแม็ปสำคัญของ ‘ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย’ เพื่อขยับเข้าสู่เป้าหมายธนาคารระดับกลางที่แข็งแกร่งที่สุดด้านอาเซียนในประเทศไทยภายในปี 2565

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน