นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ประเทศกาตาร์ หลังถูกกลุ่มประเทศชาติอาหรับตัดสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมประเมินผลกระทบแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด รวมทั้งกำลังศึกษามาตรการฉุกเฉินรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้

เบื้องต้นเจรจากับ บมจ.ปตท. และผู้ค้าน้ำมันรายอื่น ให้เตรียมความพร้อมในการจัดการน้ำมันจากแหล่งอื่นเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปให้สูงกว่าปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 1% ของปริมาณการจำหน่าย รวมทั้งจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากแหล่งตลาดจร ทดแทนปริมาณที่ไทยนำเข้าจากกาตาร์หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพื่อให้มั่นใจว่า หากปัญหาลุกลามเป็นวงกว้างจะไม่กระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของไทยในระยะข้างหน้า

“ธพ. ศึกษาการปรับสำรองปริมาณเชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อาทิ การสำรองน้ำมันดิบต้องเปลี่ยนจากปัจจุบันที่สำรองอยู่ที่ 6% หรือไม่ รวมทั้งคำนึงถึงความจำเป็นว่ายังคงต้องสำรองไว้หรือไม่ เช่น แอลเอ็นจี เพราะหากสำรองแล้วจะกระทบต้นทุนค่าไฟฟ้าของภาคประชาชนหรือไม่ อย่างไร”

ทั้งนี้ สุดท้ายไทยอาจไม่ต้องสำรองน้ำมันเพิ่มแต่อย่างใด เพราะขณะนี้กาตาร์ยังคงเดินเรือผ่านช่องแคบฮอร์มุสได้ตามปกติ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังลดลง โดยราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ ณ วันที่ 15 มิ.ย. อยู่ที่ 45.24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 6 เดือนเทียบกับวันที่ 4 ม.ค. 2560 อยู่ที่ 53.57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ธพ. ลงนามประกาศปรับเพิ่มการสำรองก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) อยู่ที่ 2.5% (9วัน) จาก 1.5% (5วัน) มีผลวันที่ 1 ม.ค. 2564 รองรับความต้องการแอลพีจีที่คาดว่าไทยต้องนำเข้าเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30,000 ตัน/เดือน ในปี 2562-63 และนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็นหลักแสนตัน ในปี 25664-65 หลังการเปิดประมูลปิโตรเลียมแหล่งเก่าและแหล่งใหม่ล่าช้า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน