นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ให้บริการด้านให้คำปรึกษาและวางแผนการซื้อสื่อดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง เปิดเผยว่า ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาดิจิตอล ในปี 2563 ที่เดิมคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 22,000 ล้านบาทนั้น แต่เฉพาะช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ที่รัฐบาลมีมาตรการล็อกดาวน์ คาดว่ามีผลทำให้เม็ดเงินโฆษณาดิจิตอลหายไปแล้วมากกว่า 4,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในเดือนเม.ย. ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงที่มีการใช้เม็ดเงินโฆษณามากที่สุดคือไตรมาส 2 และ 3 แต่อย่างไรก็ดี เชื่อมั่นว่าเม็ดเงินโฆษณาดิจิตอลโดยภาพรวมในปีนี้ก็จะยังไม่ติดลบ หรือถ้าลบก็เล็กน้อย เนื่องจากที่ผ่านมามีการเติบโตปีละ 20-30%

ประกอบกับจากสถานการ์โควิด-19 เจ้าของสินค้าโดยเฉพาะที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่หันมาใช้งบโฆษณาดิจิตอลกันมากขึ้น แต่วัตถุประสงค์ต่างจากก่อนเกิดโควิด-19 ตรงที่เป็นการใช้เพื่อมุ่งหวังผลด้านการขายเป็นสำคัญ เนื่องจากเป็นการยิงสื่อโฆษณาดิจิตอลไปยังกลุ่มลูกค้าที่สนใจจะซื้อสินค้าอยู่แล้ว ต่างจากในอดีตที่มุ่งหวังจะโฆษณาเพื่อโน้มน้าวให้เกิดการรับรู้

ทำให้ล่าสุดบริษัทได้พัฒนา “Data & AI Technology” ที่จะมาช่วยตอบโจทย์ให้ลูกค้าสามารถวางแผนซื้อสื่อได้อย่างคุ้มค่า และยังสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในส่วนของข้อมูลลูกค้า ซึ่งนับเป็นข้อมูลสำคัญมากในการพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตต่อไป

ด้านนายณัฐพล เกียรติสารพิภพ Media Director-YDM Thailand ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จุดเด่นของการนำ “Data & AI Technology” มาใช้ว่า นอกจากจะช่วยสร้างยอดขายให้กับลูกค้าได้จริงแล้ว ยังมีส่วนช่วยสร้างแบรนดิ้งไปพร้อมๆ กันด้วย เนื่องจาก Data Technology ช่วยให้นักการตลาดเข้าใจกลุ่มผู้บริโภคได้ดีขึ้นกว่าเดิม สามารถรู้ได้ทันทีว่า ลูกค้าอยู่ในกลุ่มย่อยไหน และยิ่งไปกว่านั้น นักการตลาดยังจะสามารถรับรู้ได้ด้วยว่า ผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มย่อยนั้น อยู่ในช่วงไหนของการตัดสินใจซื้อ ทำให้นักการตลาด สามารถวางแผนการสื่อสารได้ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดยอดขายได้มากขึ้นกว่าเดิม

“จุดเด่นของการนำ “Data & AI Technology” มาใช้อยู่ที่สามารถ ติดตามวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคในทุกจุดที่มีปฏิสัมพันธ์กับ ลูกค้า (Touch Points) เช่น Google, เว็บไซต์, โซเชี่ยล มีเดีย, โมบายล์ แอพพลิเคชั่น ฯลฯ และนำมารวมศูนย์อยู่ในที่เดียว เพื่อใช้ในการ Re-Marketing ในเชิงการวางกลยุทธ์สื่อ เราอาจจะเก็บพฤติกรรมการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคใน โซเชี่ยลมีเดีย ในแต่ละโพสต์ แล้วนำมารวมกับพฤติกรรมการเข้าเว็บไซต์ และการเปิด โมบายล์ แอพพลิเคชั่น เพื่อทำการวิเคราะห์ว่าลูกค้ารายไหนมีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าของเราจริงๆ”นายณัฐพล กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน