เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2560 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับคณะผู้แทนสมาชิกคณะมนตรี องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ : ICAO) จากภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ว่า คณะผู้แทนดังกล่าวเป็นตัวแทนมาจาก 6 ประทศคือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งตรวจเยี่ยมมาแล้วหลายประเทศ รวมทั้งไทย ในที่ประชุมคณะผู้แทนได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนในการจัดตั้งสำนักงาน ไอเคโอ หรือสำนักงานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก

และทางฝ่ายไทย ชี้แจงถึงความคืบหน้าในการปัญหาการปลดธงแดง ในโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยสากล (ยูโซฟ) ว่ามีความคืบหน้าอย่างไร โดยข้อแรกไทยชี้แจงว่าหลังจากที่ติดปัญหาไทย ได้ปฏิรูปองค์กรที่เกี่ยวข้องใหม่ โดยการแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) และหน่วยค้นหา และหน่วยสอบสวน

และประเด็นความคืบหน้าที่สองคือในเรื่องของการปฎิรูปกฎหมาย ซึ่งขณะนี้สำนักงานการบินพลเรือน เสนอกฎหมายฉบับใหม่ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจแก้จากสำนักงานกฤษฎีกา คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เดือน ส.ค.นี้

และสามคือ การแก้ไขปัญหาธงแดงที่เราติดปัญหาที่มีนัยยะสำคัญ 33 ข้อ เราได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (เอโอซี) ให้กับ 28 สายการบินที่ทำการบินระหว่างประเทศ โดยออกเอโอซีให้กับ 6 สายการบินแล้ว ซึ่งในวันที่ 20 ก.ค.นี้ จะออกเอโอซีให้กับ 2 สายการบินได้แก่ ไทยสมายล์ และไทยไลออนส์แอร์

อย่างไรก็ตาม เรายังต้องเฝ้าระวังในเรื่องอื่นๆ อีกคือเรื่องของระบบการติดตามตรวจสอบ ซึ่งตามมาตรฐานทางยุโรป กำหนดว่ามีการต้องติดตามตรวจสอบด้วยว่าได้สายการบินต่างๆ ได้ปฎิบัติตามหรือไม่ นอกจากนี้ ยังได้รายงานถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของสำนักงานการบินพลเรือน ซึ่งพบว่ายังมีปัญหาการขาดแคลนผู้ตรวจสอบด้านการบิน ซึ่งถือเป็นปัญหาของทุกประเทศ

รวมทั้งคณะผู้แทนยังสอบถามถึงแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ได้สรุปว่ารัฐบาลไทยเน้นการเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยได้เน้นการพัฒนาใน 3 สนามบินหลักๆ คือ สนามบินสุวรรณภูมิ ในปี 2573 การรองรับผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นเป็นถึง 120 ล้านคนต่อปี สนามบินดอนเมือง ในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านคนต่อปี และ ในปี 2580 สนามบินอู่ตะเภาจะเพิ่มเป็น 60 ล้านคน ทำให้ในปี 2573 สนามบินของหลักๆของไทยจะสามารถรองรับการเจริญเติบโตของการเดินทางระหว่างประเทศได้ถึง 220 ล้านคน ส่วนการเชื่อมทั้ง 3 สนามบินก็จะใช้รถไฟความเร็วสูงในการเชื่อมโยงกัน

อย่างไรก็ตาม คณะมนตรีฯ ได้ให้กำลังใจ และหวังว่าประเทศไทยจะสามารถปลดธงแดงได้ เพื่อนำประสบการณ์ไปช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ ต่อไป และผลักดันสู่การเป็นฮับของภูมิภาคโดยเร็ว ซึ่งหวังว่าจากประสบการณ์ของไทย คาดว่าจะทำให้นโยบายต่างๆ ของไอเคโอ ประสบความสำเร็จโดยเฉพาะนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะไม่มีใครล้าหลัง

ด้านนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวย กพท. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรองรับการที่ไอเคโอจะเข้ามาตรวจสอบตามโครงการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน (ยูแซฟ) ของไทย ในวันที่ 11-21 ก.ค.นี้ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองว่า พร้อมขึ้นชกมานานแล้ว โดย 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เตรียมพร้อมเกี่ยวกับคำถามทั้ง 463 ข้อ ที่ไอเคโอแจ้งมาก่อนหน้านี้ และติวเข้มรอบสุดท้ายให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงไม่มีอะไรน่ากังวล

สำหรับการตรวจ 3 วันแรกนั้น จะตรวจที่ กพท. และบวท. จากนั้นอีก 4 วันตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิ และ 3 วันตรวจที่สนามบินดอนเมือง โดยสาระหลักของการตรวจจะเน้นว่าปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยตามคู่มือที่เขียนไว้หรือไม่ หากตรวจแล้วไม่พบข้อบกพร่องที่มีนัยยะสำคัญด้านการรักษาความปลอดภัย (เอสเอสอีซี) ภายใน 60 วันหลังจากปิดการตรวจวันที่ 21 ก.ค. ทางไอเคโอก็จะส่งหนังสือแจ้งผลการตรวจอย่างเป็นทางการมาให้ กพท.

นายจุฬา กล่าวต่อว่า แต่หากตรวจพบเอสเอสอีซี ทางไอเคโอจะแจ้งกลับไปยังสำนักงานใหญ่ไอเคโอ ที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ซึ่งประเทศไทยจะมีเวลาแก้ไขเอสเอสอีซีประมาณ 30 วันหลังจากปิดการตรวจ หากแก้ไขสำเร็จก็ถือว่าผ่านการตรวจ และไอเคโอจะมีหนังสือแจ้งผลการตรวจอย่างเป็นทางการมาให้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ และไม่ผ่านการตรวจ จะไม่มีการให้ธงแดง แต่ไอเคโอจะแจ้งผลการตรวจให้ประเทศสมาชิกได้ทราบในทางลับว่าประเทศไทยติดข้อบกพร่องใดบ้าง จะไม่มีการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และอาจเป็นจุดให้ผู้ก่อการร้ายอาศัยช่องดังกล่าวเข้ามาลงมือก่อเหตุต่างๆ ได้

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าผลการตรวจยูแซฟน่าจะผ่านไปได้ แต่หากโดนเอสเอสอีซี ก็คงมีแบบเล็กๆ น้อยๆ ไม่หนัก ซึ่งเราก็จะไม่ปล่อยให้ยาว ต้องเร่งแก้ไขให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน