นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประธานกรรมการองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เข้าพบวันที่ 25 มิ.ย. ว่า เจโทรได้รายงานให้ทราบว่านักลงทุน และนักธุรกิจญี่ปุ่นมีความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ที่ลดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ เจโทรยังได้สอบถามถึงนโยบายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของไทยว่าจะเดินหน้าต่อไปและสร้างความเชื่อมั่นในนักธุรกิจญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในไทยได้หรือไม่

ทั้งนี้ ตนได้ชี้แจงว่าโครงการลงทุนของไทยยังคงเดินหน้าตามแผนโดยเฉพาะโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ซึ่งเป็นฮับการลงทุนของไทยนั้นมีความคืบหน้าในการพัฒนาต่อเนื่องทั้งทางราง อากาศ น้ำ และบก โดยทางรางนั้นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) คืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนทางอากาศนั้นรัฐบาลได้ ลงนามสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกกับภาคเอกชนไปแล้ว

ส่วนการพัฒนาทางน้ำนั้นการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้เปิดประกวดราคาโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองกับผู้ประกอบการ เนื่องจากเอกชนมีการเสนอผลตอบแทนต่ำกว่าราคากลางคาดว่าจะสามารถต่อรองได้ โดยไม่ต้องยกเลิกการประมูล และภายใน 2 เดือนจะสามารถนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติได้

ส่วนการพัฒนาทางบกนั้น ล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการพัฒนาต่อขยาย การก่อสร้างมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ช่วงพัทยา-มาบตาพุด ต่อไปอีก 7 กิโลเมตร ให้สามารถเชื่อมเข้าไปยังสนามบินอู่ตะเภา เพื่อพัฒนาระบบโลจิกติกส์ภายในอีอีซีให้ครบวงจร ซึ่งขณะนี้ กรมทางหลวง เตรียมที่จะเสนอของบประมาณจากอีอีซี เพื่อใช้ในการดำเนินงานแล้ว ทั้งนี้ คาดว่าภายในปี 2568 กระทรวงคมนาคม จะสามารถพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้ง 4 มิติเข้าด้วยกันได้สมบูรณ์ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้แจ้งข่าวดีให้ญี่ปุ่นทราบว่าขณะนี้ไทยกำลังอยู่ในขั้นตอนการทดลองวัคซีนป้องกันโควิด โดยฉีดทดลองในลิง และหนูแล้ว และจะฉีดทดลองในมนุษย์เข็มแรกช่วงต้นเดือนก.ค.นี้ ถ้าการทดลองฉีดในมนุษย์สำเร็จ คาดว่าไทยจะเริ่มผลิตวัคซีนออกมาใช้ได้ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน