นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยว 8 เดือนแรกปี 2560 (ตั้งแต่เดือนม.ค.-ส.ค.) มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวไทย 23,545,093 คน เพิ่มขึ้น 5.36% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน สร้างรายได้ 1.197 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.47% ส่วนคนไทยเที่ยวภายในประเทศ ตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.ค. ที่ผ่านมา อยู่ที่ 83.70 ล้านคน/ครั้ง (1 คนเที่ยวได้มากกว่า 1 ครั้ง) 3.30% และก่อให้เกิดรายได้รวม 0.53 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.95% ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวในภาพรวม 8 เดือนแรก อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก่อให้เกิดรายได้กระจายสู่ภูมิภาคต่างๆ รวม 1.727 ล้านล้านบาท ขยายตัว 7.31% และมั่นใจว่าทั้งปี จะสร้างรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย 2.76 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป็น 3.03 ล้านล้านบาท ในปี 2561

หากแยกเฉพาะรายได้เฉพาะเดือนส.ค. พบมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 3,133,411 คน เพิ่มขึ้น 8.66% ในจำนวนนี้ เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกมากที่สุด 2,260,337 คน รองลงมาคือ นักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรป เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง อเมริกา โอเชียเนียและแอฟริกา หากแยกเป็นรายประเทศ พบว่า ประเทศที่มาเที่ยวไทยมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ จีน มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น สปป.ลาว อินเดีย ฮ่องกง เวียดนาม กัมพูชา และสิงคโปร์ ตามลำดับ

ส่วนของการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก จีนยังเป็นประเทศใช้จ่ายสูงสุด ตามด้วยเกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ลาว และฮ่องกง ตามลำดับ โดยค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวดังกล่าวรวม 163,482.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.72% จากช่วงเวลาเดียวกันปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็น 66% ของรายได้รวมตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ส่วนตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ พบ เดือน.ค. มีชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศจำนวน 12.33 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 3.46% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ 76,937.40 ล้านบาท

“ไตรมาส 4 คาดการเติบในส่วนรายได้ไม่น่าต่ำกว่า 10% ซึ่งจะทำให้รายได้ทั้งปีเป็นไปตาม ปัจจัยที่ต้องจับตามอง คือ คู่แข่งประเทศสำคัญๆ ต่างออกแคมเปญดึงนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรป เช่น สิงคโปร์ ตุรกี อียิปต์ จนอาจจะกระทบต่อยอดนักท่องเที่ยวมาไทย และปัญหาคาบสมุทรเกาหลีเหนือ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวเกาหลีลดลง 50% ส่วนเรื่องปัญหาเงินบาทแข็งค่า ไม่น่าจะกระทบต่อประเทศไทยเท่านั้น เพราะเป็นเหมือนกันทั้งภูมิภาค”

นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ไตรมาส 4 รายได้ด้านท่องเที่ยวจะเติบโตราว 10% แต่ความน่ากังวลคือ การกระจุกตัวอยู่เฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวหลัก แต่แหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่เป็นเป้าหมายในการกระจายรายได้ ยังไม่ได้รับอานิสงส์เท่าที่ควร เนื่องจากมีอุปสรรคเรื่องการคมนาคมเข้าถึง โดยเฉพาะตลาดท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) ที่ยังไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวสะดวก แม้ว่าจะเริ่มมีความต้องการเดินทางเข้ามาแล้ว เพราะการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่ปูทางไปก่อนหน้านี้

นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยลบที่เพิ่มเข้ามาคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่มีอำนาจในการใช้จ่ายเพื่อกิจกรรมส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวเหมือนเดิม เนื่องจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่าไม่ใช่ภารกิจ ทำให้แต่เดิมที่กลุ่มจังหวัดต่างๆ ที่มีแผนนำภาคธุรกิจเอกชนออกไปทำตลาด เช่น จัดโรดโชว์ หรือเข้าร่วมเทรดโชว์ ในตลาดต่างประเทศ ไม่มีงบประมาณทำได้ต่อเนื่อง เช่น คลัสเตอร์อันดามัน 3 จังหวัด กระบี่ ภูเก็ต พังงา ที่ปกตินำผู้ประกอบการราว 50 ราย ร่วมงานเทรดโชว์ 2 รายการใหญ่ของโลก เวิลด์ ทราเวล มาร์เก็ต (WTM) ที่ลอนดอน และไอทีบี เบอร์ลิน ที่เยอรมนี หลังจากเข้าร่วมงานในครั้งต่อไปด้วยงบประมาณเดิมที่มีอยู่แล้ว ครั้งต่อไปก็จะไม่สามารถร่วมได้อีก และอาจไม่มีโอกาสกลับเข้าไป เนื่องจากเป็นงานที่มีความต้องการจับจองพื้นที่สูง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน