นายธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2558 โมโตโรล่า ได้ถูกซื้อกิจการโดย เลอโนโว กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ โดยที่ผ่านมาไม่ได้หายไปจากตลาดสมาร์ตโฟนไทย อีกทั้งยังมีการเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดมาอย่างต่อเนื่องโดยผ่านผู้ให้บริการมือถืออย่างทรู เพียงรายเดียว ทำให้ไม่ได้มีการทำการตลาดผ่านสื่ออย่างจริงจัง แต่ล่าสุดพร้อมแล้วที่จะกลับมาขับเคลื่อนตลาดสมาร์ตโฟนอีกครั้ง โดยเฉพาะกลยุทธ์การทำตลาดในประเทศไทย ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีของการกลับมารุกตลาดสมาร์ตโฟน ด้วยการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่าน 3 พันธมิตรผู้ให้บริการมือถืออย่าง ทรู เอไอเอส และดีแทค รวมถึง บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็นผู้กระจายสินค้า โดยได้วางเป้าหมายระยะสั้น 1-2 ปีจากนี้ในการขยับส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเป้าหมายในระยะยาวจะมีส่วนแบ่งตลาดในอันดับต้นๆ

โดยล่าสุดได้เปิดตัวเปิดตัว motorola razr 5G ซึ่งเป็นการกลับมาของสมาร์ตโฟนฝาพับอันเป็นที่จดจำมาอย่างยาวนานของโมโตโรล่ากับนวัตกรรมการเชื่อมต่อเทคโนโลยี 5G และหน้าจอแสดงผลแบบอินเตอร์แอคทีฟถึง 2 จอ มีน้ำหนักที่บางเบา พร้อมออกแบบฝาพับที่ใช้งานง่ายและสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวในประเทศจีนไปแล้วและประสบความสำเร็จขายหมดภายในวันเดียว รวมถึงยังสร้างยอดขายเป็นอันดับต้นๆ ในอเมริกาเหนือและละตินอเมริกาด้วย ขณะที่ในไทยพร้อมจะเปิดให้พรีออร์เดอร์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว และคาดว่าจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้น 44,990 บาท

นอกจากนี้ ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์สมาร์ตโฟน moto g รุ่นใหม่ล่าสุดได้แก่ moto g 5G plus, moto g9 plus และ moto g9 play ซึ่งทั้งสามผลิตภัณฑ์มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่ทรงพลัง ฟีเจอร์ที่ทันสมัยครบครันในราคาที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อที่ความเร็วระดับ 5G กล้องถ่ายภาพคุณภาพระดับมืออาชีพ แบตเตอร์รี่ที่รองรับการใช้งานที่ต่อเนื่อง หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 9,900 บาท ซึ่งถือว่าถูกที่สุดในตลาดสมาร์ตโฟน 5G

รวมถึงยังมีอีก 2 รุ่น รองรับเทคโนโลยี 4G ประกอบด้วย moto g9 plus มีวางจำหน่ายในสี Navy Blue ราคาเริ่มต้น 6,990 บาท และ moto g9 play มีวางจำหน่ายในสี Sapphire Blue เริ่มต้นที่ 4,990 บาท

ส่วนทิศทางการเปิดตัวในปี 2564 ชัดเจนว่าโมโตโรล่า จะสนับสนุนเทคโนโลยี 5G เป็นหลักแต่ทั้งนี้ 4G ก็ยังไม่ทิ้ง โดยมองว่าภาพรวมปีหน้าถ้าเทคโนโลยี 5G เปิดใช้งานได้เต็มรูปแบบ และผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือหรือโอเปอเรเตอร์ ออกแพ็กเกจค่าบริการที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย คาดว่าจะผลักดันให้ตลาดสมาร์ตโฟนมีการเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะคาดว่าผู้บริโภคคนไทยจะเปลี่ยนไปใช้สมาร์ตโฟนที่รองรับเทคโนโลยี 5G อย่างน้อย 50% จากปัจจุบันที่มีการใช้งานทั้งหมด 52 ล้านเครื่อง

“ในแง่ของภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในขณะนี้ แต่ในฝั่งของสินค้าไอที โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดโควิด-19 กลับได้อานิสสงส์จากผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าเทคโนโลยีโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เติบโตสูงมาก เนื่องจากมีการทำงานจากที่บ้านและเรียนจากที่บ้านมากขึ้นทำให้เติบโตอย่างชัดเจน ในส่วนของสมาร์ตโฟนตลาดยังทรงตัวไม่หวือหวา”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน