ส.ส.เพื่อไทยย้ำพิรุธต่อสัญญาสัมปทานให้บีทีเอสอีก 30 ปี ทั้งที่เหลืออีก 10 ปี เข้าครม.วาระจร แถมอ้างม.44 งดใช้พรบ.ร่วมทุน เตรียมซักฟอก ฟางเส้นสุดท้ายล้มรบ.

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการเสนอครม.อนุมัติต่อสัมปทานรถไฟฟ้าให้บริษัทบีทีเอสไปอีก 30 ปี ว่า ถือว่ามีข้อพิรุธหลายอย่าง เนื่องจากเรื่องดังกล่าวถูกเสนอเข้าครม.เป็นวาระจร เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจังหวะที่มีการชุมนุมติดตามผลการประชุมสภา เรื่องต่อสัมปทานซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ ควรพิจารณาเข้ามาเป็นวาระปกติ ไม่ใช่มุบมิบหรือลักไก่เช่นนี้ แถมเป็นการอ้างถึงการคำสั่งคสช.ที่ 3/2562 ที่อ้างถึงอำนาจม.44 ให้ต่อสัมปทานกับบีทีเอสได้ และไม่เข้าเงื่อนไขพ.ร.บ.ร่วมทุนรัฐและเอกชน เท่ากับว่าแม้ประเทศนี้จะมีรัฐบาลเลือกตั้งมาแล้ว 2 ปี ก็ยังอยู่ในวังวน ม.44 ของคสช.

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยว่ามีการจัดฉากหรือไม่ เมื่อกทม.ไปรับภาระหนี้การก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ-ใต้ จากรฟม. ที่ขยายเส้นทางไปยังคูคต จ.ปทุมธานี และเคหะบางปู จ.สมุทรปราการ ที่รฟม.ลงทุนไว้ 4.5 หมื่นล้านบาท อ้างจะรับผิดชอบเอง แต่ต่อมากลับระบุว่าไม่มีเงิน จึงต้องให้บีทีเอสรับผิดชอบแทน แลกกับสัมปทานอีก 30 ปี ทั้งที่สายสีเขียว ถือเป็นรถไฟฟ้าสายที่ดีที่สุด วิ่งผ่านกลางเมืองและสถานที่สำคัญ มีมูลค่าโครงการในอีก 30 ปีอีกนับแสนล้านบาท จึงน่ากังวลแทนคนกทม. แทนที่จะรอให้หมดเวลาสัมปทานซึ่งเหลืออยู่ 10 ปี แล้วประมูลใหม่หาเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับคนกทม. กลับรีบร้อนรวบรัดเข้าครม. แถมในอนาคตจะไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากงดเว้นการใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

“กรณีนี้มีพิรุธมากมาย ทั้งที่สัมปทานเหลืออีก 10 ปี ทำไมลุกลี้ลุกลนรีบนำเข้าครม.เป็นวาระจร หรือนายกฯกลัวอุบัติเหตุทางการเมือง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในวันที่ 2 ธ.ค. ไหนว่ารัฐบาลนี้โปร่งใส ทำไมใช้กฎหมายพิเศษกับผลประโยชน์ประเทศชาติมหาศาล แถมยังเอาประชาชนเป็นตัวประกัน อ้างจะไม่วิ่งรถ เพราะไม่มีเงินจ่ายให้บีทีเอส แล้วค่าโดยสารที่ประชาชนจ่ายไปอยู่ที่ไหนกันหมด พรรคเพื่อไทยจะติดตามตรวจสอบนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา เชื่อว่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ประชาชนอดทนไม่ไหว ออกมาเคลื่อนไหวกันมากขึ้น”นายยุทธพงศ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน