นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้ถอนร่างพ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อการพัฒนาประเทศ หลังสำนักงานกฤษฎีกา พิจารณาเห็นว่า การขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ สามารถใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. 2564 จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องตรากฎหมายฉบับขึ้นใหม่ โดยครม. มอบให้สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาแนวทางตามมติครม.ต่อไป
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาครม. เห็นชอบร่างกฎหมายฉบับนี้แล้ว และส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ตรวจพิจารณา โดยมีข้อสรุปว่า ปัจจุบันระบบเศรษฐกิจได้เปลี่ยนแปลงไป การดำเนินการให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคอันจำเป็น และการมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบการเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จึงอาจมีความแตกต่างไปจากเดิม
ดังนั้นการจัดทำร่างพ.ร.บ.ขึ้นมา เพื่อที่มุ่งหวังจะใช้บังคับเป็นการทั่วไปในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษให้มีหลักการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน จึงกระทำได้ยาก ขณะเดียวกัน สศช. ยังเคยรายงานครม. รับทราบกรอบแนวคิดการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในระดับพื้นที่ภาคจำนวน 3 พื้นที่ คือ พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (เอ็นอีซี), พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เอ็นอีอีซี) และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (เอสอีซี) ซึ่งจะเชื่อมโยงกับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยในระยะเริ่มต้นได้จัดทำเป็นร่างระเบียบสำนักนายกฯ ไว้แล้ว และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ กพศ. ไว้รองรับแล้ว
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า การออกกฎหมายฉบับนี้ ที่ผ่านมามีข้อสงสัยจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะสศช. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเห็นตรงกันว่า ไม่มีความจำเป็นต้องยกร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ให้มีเพิ่มขึ้นจากกฎหมายฉบับเดิมเดิมที่มีอยู่แล้ว เพราะสามารถปรับปรุงกฎหมายเดิมที่มีอยู่ได้ ซึ่งเรื่องนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงมาดูกับตัวเอง โดยสั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรม รีบถอนร่างกฎหมายออกทันที โดยทำเรื่องเสนอครม. เห็นชอบถอนกฎหมายฉบับนี้ ที่เคยผ่านการเห็นชอบจากครม.มาแล้ว ซึ่งกรณีลักษณะนี้มีให้เห็นไม่ค่อยบ่อยนัก
