ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นครั้งแรกรอบ 3 เดือน วัคซีนโควิด-มาตรการรัฐ ปัจจัยหนุน ลุ้นไตรมาส 4 เปิดประเทศ

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น – นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลของการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 2,244 ตัวอย่างทั่วประเทศ เพื่อสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนก.พ. 2564 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการกลับมาปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 เป็นต้นมา ที่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มปรับตัวลดลง ประกอบกับการเริ่มต้นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมมากขึ้นและจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเริ่มลดลงอย่างชัดเจน ตลอดจนการฉีดวัคซีนของทั้งโลกทำให้สถานการณ์โควิด-19 ในระดับโลกปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย และมาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะโครงการ “เราชนะ” และโครงการต่างๆ ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้ปรับตัวดีขึ้นทั่วประเทศ

ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือนนี้ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 47.8 ในเดือนม.ค. เป็น 49.4 อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงย่ำแย่จากวิกฤตโควิด-19 ในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า หากการฉีดวัคซีนในประเทศมีแผนการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้นและการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศดำเนินการได้กว้างขวางขึ้นในอนาคต เศรษฐกิจไทยน่าจะเริ่มฟื้นตัวเด่นชัดขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เป็นต้นไป เพราะมีเม็ดเงินกว่าแสนล้านบาทจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐ และจะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เป็นต้นไปด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวหนุนให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 พลิกกลับมาเป็นบวกได้ที่ 1-2% อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาดูสถานการณ์ทางการเมืองของไทยจะดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไรหลังจากการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งปัจจัยทั้งสามจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตเป็นอย่างมาก

ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยคาดว่าปีนี้มีโอกาสมากที่จะเติบโตได้ในระดับ 3% โดยมีปัจจัยหนุนคือการที่ภาคเอกชนสนับสนุนแผนบริหารจัดการการฉีดวัคซีนที่ชัดเจนของรัฐบาล เพื่อให้ต่างประเทศได้รับทราบกระบวนการฉีดวัคซีนที่ชัดเจนของไทย รวมทั้งมาตรการที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อทั้งภาคการลงทุนและภาคท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในอนาคต ซึ่งหากในไตรมาส 4 ไทยสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศได้ ก็จะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจเดินหน้าได้ โดยเฉพาะการมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน