แพลทินัม ฟุ้งลูกค้าชาติอาเซียนแห่ซื้อ ลั่นขึ้นแท่นฮับศูนย์สินค้าแฟชั่นค้าส่งของภูมิภาค

นายชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เดอะแพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ศูนย์ค้าส่ง เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ได้เป็นศูนย์รวมสินค้าแฟชั่นค้าส่งของภูมิภาคอาเซียน หลังจากลูกค้าชาวต่างชาติในกลุ่มประเทศอาเซียนได้เข้ามาซื้อสินค้าที่แพลทินัมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มซีแอลเอ็มวี อย่าง ลาว กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม ที่ชื่นชอบสินค้าไทย

ปัจจุบันตัวเลขลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการในแพลทินัม เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากจำนวนเฉลี่ย 60,000 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นมา 12% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพราะการเปิดทางเดินลอยฟ้า แบงคอก สกายไลน์ ที่ปัจจุบันมีจำนวนคนเดิน 66,000 คน/วัน ส่งผลดีให้มีลูกค้าเข้ามาในศูนย์มากขึ้นด้วย

ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมที่จะปรับพื้นที่ภายในศูนย์ใหม่ให้ภาพรวมของศูนย์ดูดีขึ้น โดยจะทยอยปรับในแต่ละโซน และเพิ่มความหลากหลายของสินค้าภายในศูนย์ พร้อมกันนี้ยังได้ลงทุนไปอีก 50 ล้านบาท สร้างอาคารใหม่ด้านหลังจำนวน 3 ชั้น รวมพื้นที่ 2,000 ตร.ม. เพื่อเพิ่มพื้นที่เช่า และทำเป็นพื้นที่ขนส่งกระจายสินค้าของร้านค้าในศูนย์ คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2561 จากปัจจุบันเดอะแพลทินัม มีพื้นที่เช่ารวม 28,000 ตร.ม. มีร้านค้ากว่า 800 ร้านค้า คิดเป็น 98% ของพื้นที่รวม ซึ่งการเพิ่มอาคารใหม่จะขยายพื้นที่เช่าได้อีก เพื่อรองรับขยายตัวของจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

สำหรับโครงการเดอะมาร์เก็ต แบงคอก ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างบนที่ดิน 20 ไร่ จะพัฒนาเป็นพื้นที่ 2 แสนตร.ม. เป็นพื้นที่ให้เช่า 40,000 ตร.ม. รวมมูลค่าโครงการ 5,800 ล้านบาท เตรียมเปิดสำนักงานขายในเดือนม.ค.ปีหน้า และจะเซ็นสัญญากับร้านค้ากว่า 300 รายในช่วงไตรมาสแรกและสองของปีหน้า ในขณะที่ตลาดนีออน หลังจากเปิดให้บริการมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีพื้นที่เช่า 5,000 ตร.ม. ร้านค้ากว่า 800 ร้านค้า และได้เตรียมขยายพื้นที่กิจกรรมจาก 700 ตร.ม. เป็น 1,000 ตร.ม. รองรับการจัดกิจกรรมที่เพิ่มขึ้น

“อยากทำให้ย่านประตูน้ำ เป็นย่านการค้าแห่งใหม่ที่แข็งแรง เหมือนกับย่านสีลม และสาทร โดยย่านนี้ยังมีศักยภาพที่จะไปต่อได้อีกเมื่อเทียบกับสองย่านดังกล่าว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาในพื้นที่ละแวกใกล้เคียงย่านประตูน้ำ ตั้งแต่ถนนเพชรบุรีถึงราชเทวี มีการพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก และหากมีการพัฒนา และผู้ประกอบการในย่านร่วมกันเชื่อมพื้นที่การค้าขายระหว่างกันและกันได้ ตลอดจนร่วมกันสนับสนุนร้านค้าและสินค้าให้โดดเด่น จะเป็นโอกาสของประตูน้ำที่จะเป็นย่านการค้าใหม่ได้ แต่ยอมรับว่าต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี”

ส่วนรายได้ปีนี้มั่นใจทำได้ 2,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีรายได้รวม 1,863.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเติบโตมากกว่าปี 2559 ที่จะทำได้ 704.15 ล้านบาท ทำสถิติเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ จากผลประกอบการ 9 เดือนมีรายได้รวม 1,51 ล้านบาท เติบโต 10% เนื่องจากมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มขึ้น และภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้บรรยาการจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น