นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็นบริษัทเพื่อการลงทุน หรือ โฮลดิ้ง เปิดเผยว่าในวันที่ 17 พ.ค.นี้ จะเป็นครั้งแรก ที่ 7 บริษัท ในกลุ่มเจมาร์ท จะนำเทคโนโลยีและบล็อกเชน ภายใต้ JFIN Coin ซึ่งเป็นดิจิทัลโทเคน หรือสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของเจมาร์ท ที่จะเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจ และใช้เป็นส่วนหนึ่งในการทำการตลาด รวมถึงผลักดันให้ JFIN Coin เกิดความต้องการใช้ของตลาดในกว้างให้ได้

“ในวันที่ 17 พ.ค. จะกำหนดให้ลูกค้า 7 ล้านรายในกลุ่มเจมาร์ท สามารถนำ JFIN Coin มาใช้ในการลด แลก แจก สินค้าและบริการในกลุ่มเจมาร์ท ใน 21 โครงการ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เคยทำโปรแกรมลด แลก แจก มือถือมาแล้ว และใช้เวลาเพียง 15 นาทีหมด นอกจากนี้ ยังมีรอยัลตี้โปรแกรม ผ่าน เจเอ็มที ซึ่งเป็นบริษัททวงหนี้ของกลุ่มเจมาร์ท โดยมีการแจกเหรียญ JFIN Coin สำหรับลูกค้าที่ชำระหนี้ตามกำหนด เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำเหรียญไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อบ้านและคอนโดมิเนียม ของบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท เป็นต้น ตลอดจน เจเอเอส แอสเซ็ท หรือแจส หนี่งในกลุ่มธุรกิจของเจมาร์ท ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเช่าพื้นที่ศูนย์การค้า เดอะ แจส สามารถใช้เป็นส่วนลดค่าเช่า ส่วน ซิงเกอร์ ธุรกิจเช่าซื้อสินค้า ก็แจกเหรียญให้ลูกค้าที่เช่าซื้อสินค้า ขณะที่ บริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟคาซ่า ลาแปง ก็แจกเหรียญให้ลูกค้าที่ซื้อกาแฟ เป็นต้น”

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายให้พนักงานได้เรียนรู้การใช้ ดิจิทัล โทเคน โดยเบื้องต้นบริษัทจะมีการแจก JFIN Coin ให้พนักงานตามผลการประเมินการทำงานของพนักงาน ซึ่งทั้ง 7 บริษัทในกลุ่มเจมาร์ท มีพนักรวมแล้ว 9,000 คน เพื่อให้พนักงานได้ทดลองใช้งานก่อน และหลังจากนั้นจะขยายสู่เฟสที่ 2 โดยร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ 3-4 ราย ซึ่งคาดว่าไม่เกินไตรมาส 3-4 ปีนี้ ขณะเดียวกันบริษัทคาดหวังว่าการนำเอา JFIN Coin มาใช้ครั้งนี้ น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 70 ล้านบาทต่อเดือน เมื่อรวมรายได้ของที่จะเกิดขึ้นจากโปรแกรมนี้

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 2 ของกลุ่มเจมาร์ท โดยเชื่อมั่นว่ายังเตอบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 และเชื่อว่าทั้งปีจะเติบโตในระดับ 50% เมื่อเทียบกับปี 2563

ทั้งนี้ บริษัท เจเวนเจอร์ส จำกัด เข้ามาระดมทุนแบบดิจิทัลด้วยการเสนอขาย ดิจิทัลโทเคน หรือ ICO เป็นรายแรกของประเทศไทย และเข้าทำการซื้อขายวันแรก เมื่อ 2 พ.ค. 2561 จำนวน 100 ล้านโทเคน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน