นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูที่จะสิ้นสุดในปี 2560 ว่า ต้องรอฟังนโยบายที่ชัดเจนจากคณะกรรมการ (บอร์ด) และนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม ก่อนว่าเห็นควรอย่างไรและจำเป็นต้องขยายระยะเวลาตามปฏิรูปองค์กรต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561 หรือไม่ ถ้าหากระดับนโยบายเห็นว่าควรดำเนินการปฏิรูปต่อในปี 2561 ก็อาจต้องปรับปรุงแผนฟื้นฟูให้กระชับมากขึ้น

ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2561 บริษัท มีความท้าทายจากเรื่องราคาน้ำมันที่ผันผวน อัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงการซ่อมบำรุงเครื่องบินครั้งใหญ่ ส่วนปี 2560 คาดว่าบริษัท จะมีรายได้จากการจำหน่ายบัตรโดยสารเพิ่มขึ้น 6-8% จากปีก่อน เป็น 1.5 แสนล้านบาทได้ตามเป้าหมาย และจะมีกำไรจากการดำเนินงานอย่างแน่นอน แต่ผลประกอบการสุทธิของบริษัท ยังต้องรอดูอีกครั้งว่าจะพลิกเป็นกำไรได้หรือไม่ เพราะบริษัท มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจาก อัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่า การด้อยค่าทรัพย์สินและเครื่องบินหากขายเครื่องเก่าไม่ได้ รวมถึงราคาน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้นจาก 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อต้นปี เป็น 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปัจจุบัน ซึ่งการบินไทยเตรียมปรับแผนการทำประกันความเสี่ยงจากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น

นางอุษณีย์กล่าวถึงกรณีที่บริษัท ได้ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง 2 ครั้ง ในปี2562 ว่าเนื่องจากต้นทุนน้ำมันสูงขึ้นและราคาน้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 30-40% ของต้นทุนสายการบินทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าทุกสายการบินก็ต้องปรับขึ้นค่าธรรมเนียม เพียงแต่ไม่ได้ออกประกาศเท่านั้น ทั้งนี้ยอมรับว่าค่อนข้างกังวล เพราะการปรับค่าธรรมเนียมน้ำมันส่งผลให้ราคาบัตรโดยสารเพิ่มขึ้นและอาจกระทบต่อการแข่งขัน เพราะการปรับราคาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในขณะนี้ที่ตลาดเป็นของผู้ซื้อ หากราคาแตกต่างจากตลาดมากเกินไป ผู้โดยสายก็จะหันไปใช้บริการสายการบินอื่นแทน

นอกจากนี้ คาดว่าจะเสนอแผนจัดซื้อเครื่องบินและยุทธศาสตร์เส้นทางบินระยะ 5 ปี ให้ที่ประชุมบอร์ดพิจารณาได้ในวันที่ 20 ธ.ค. นี้ หลังจากครั้งก่อนบอร์ดตีกลับและให้จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม

นางอุษณีย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้สายการบินไทยสมายล์ที่เป็นบริษัทลูก มีผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลขาดทุนลดลงอย่างมาก จึงไม่จำเป็นต้องจัดทำแผนฟื้นฟู ส่วนผลประกอบการของไทยสมายล์ทั้งปี 2560 คาดว่าจะติดลบเล็กน้อย แต่จะมีกำไรในปี 2561 อย่างแน่นอน สำหรับที่ผ่านมาสายการบินไทยสมายล์มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพการใช้เครื่องบินค่อนข้างต่ำ แต่ตอนนี้ก็ปรับให้สูงขึ้นและตัวเลขล่าสุดอยู่ที่เกือบ 10 ชั่วโมงต่อวัน

“เวลาจะฟื้นอะไรไม่ใช่ 2-3 เดือนมันได้นะ เราเพิ่งไปทำได้ 3-4 เดือนเอง คือเราต้องไปวางแผนร่วมกัน ใช้ทรัพยากรร่วมกัน ต้องร่วมกันหมด โดยไทยสมาลย์น่าจะเป็นบวกในไตรมาสที่ 1 ปีหน้า ที่มั่นใจเพราะบริหารอยู่” นางอุษณีย์กล่าว

นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ (DN) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในต้นปี 2560 สายการบินไทยสมายล์มีประสิทธิภาพการใช้เครื่องบินอยู่ที่ 8 ชั่วโมงต่อวัน แต่ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 10 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่น่าพอใจแล้ว แต่ก็พยายามจะดันให้เพิ่มขึ้นอีกเป็น 12 ชั่วโมงต่อวัน

นอกจากนี้ ไทยสมายล์จะเสนอรายชื่อนายฉัตรชัย ปานอยู่ ให้ที่ประชุมบอร์ดการบินไทยพิจารณาเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริการสายการบินไทยสมายล์ในเร็ว ๆ นี้ โดยนายฉัตรชัยเป็นผู้บริหารจากการบินไทย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการควบคุมห้วงอากาศและการจัดการรายได้

นายวิวัฒน์กล่าวถึงเส้นทางกรุงเทพฯ-เวียนนา ออสเตรเลีย ที่สายการบินไทยเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารอยู่ที่เกือบ 80% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงสุดมากสำหรับเส้นทางที่เปิดใหม่และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ดังนั้นจึงมีโอกาสปรับความถี่จาก 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในอนาคต ขณะเดียวกันกำลังจะพิจารณาเพิ่มเส้นทางไทเป-เชียงใหม่ในปี 2561 ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน