นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยในโอกาสพบสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการว่า กระทรวงพลังงานจะสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ที่ต้องดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศให้มีความชัดเจนภายใน 3-6 เดือน โดยเฉพาะเรื่องการเปิดประมูลแหล่งปิโตเลียมเอราวัณ-บงกช ที่จะหมดอายุปี 2565-66 ยืนยันว่าจะดำเนินการให้มีความชัดเจนและต้องประสบความสำเร็จภายในปี 2561 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างร่างประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (ทีโออาร์) ที่ยังต้องพิจารณารายละเอียดภายใต้ระบบการแบ่งปันผลผลิต (พีเอสซี) ให้ตกผลึกและรอบคอบก่อน รวมทั้งจะดำเนินการควบคู่กับการเตรียมเปิดสำรวจและผลิตแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ด้วย

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ 3 การไฟฟ้าติดตามเรื่องระบบส่ง ศึกษาเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนรายภาค ควบคู่กับแผนอนุรักษ์พลังงาน การพัฒนาระบบไมโครกริดและสมาร์ทกริด และแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในจ.กระบี่ และอ.เทพา จ.สงขลา ที่ต้องสร้างความชัดเจนโดยเร็ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของคนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างความมั่นคงทางด้านไฟฟ้ารองรับการเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจะเห็นว่าไม่ได้พิจารณาจากปัจจัยใดเพียงปัจจหนึ่งแล้วตัดสินใจว่าจะสร้างหรือไม่สร้าง

ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานยังคงเดินหน้านโยบายการเพิ่มปริมาณการใช้ปาล์มในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล บี 7 ตามแนวทางที่ได้หารือกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ไว้แล้วเพื่อดูดซับปริมาณปาล์มส่วนเกิน 100,000 ตัน ภายใน 1-2 เดือน จากปัจจุบันปริมาณปาล์มล้นตลาดประมาณ 540,000 ตัน รวมทั้งจะศึกษาการแปรสภาพน้ำมันให้ใช้ไบโอดีเซลมากขึ้น จากปัจจุบันการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี7 อยู่ที่ประมาณ 3.4-3.5 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่กำลังการผลิตอยู่ที่ 6 ล้านลิตรต่อวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน