นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ว่า บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจสาธารณูปโภคภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมโซลูชันพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง

ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตของรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติทั้งปีเพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน พร้อมทั้งรักษาอัตรากำไรก่อนหักค่าเสื่อมราคาดอกเบี้ยและภาษี (EBITDA Margin) ให้อยู่ที่ระดับไม่น้อยกว่า 50%

โดยการดำเนินธุรกิจหลักสามารถขับเคลื่อนการเติบโตสอดรับเป้าหมายที่วางไว้ ประกอบด้วย ธุรกิจด้านสาธารณูปโภค ที่คาดการณ์ปริมาณการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศยังมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจในประเทศที่มีความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีการขยายกำลังการผลิต และลูกค้ารายใหม่ที่เริ่มทยอยเปิดดำเนินการ

เช่น โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ GSRC ของ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ขนาด 2,650 เมกะวัตต์ ที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในส่วนของหน่วยผลิตที่ 1 เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และจะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในส่วนของหน่วยผลิตที่ 2, 3 และ 4 ที่เหลือภายในปี 2565 บริษัทจึงคาดว่าจะมียอดจำหน่ายน้ำเฉพาะจากโครงการดังกล่าวในปี 2565 ไม่น้อยกว่า 16.2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม เช่น โครงการ Wastewater Reclamation และการผลิตน้ำที่ปราศจากแร่ธาตุ โดยใช้เทคโนโลยีเมมเบรนรี เวิร์สออสโมซิส ควบคู่ไปกับการพัฒนา Smart Utilities Service Platform และ Innovative Solution ให้บริการลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม ส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทมีปริมาณการจำหน่ายน้ำและการบำบัดน้ำเสียในประเทศ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้น 16% และเมื่อพิจารณาเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่มจะเพิ่มขึ้นถึง 170% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและดำเนินการก่อสร้างอีกหลายโครงการ เช่น โรงบำบัดน้ำแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2.7 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โครงการผลิตน้ำที่ปราศจากแร่ธาตุสำหรับจำหน่ายแก่ลูกค้านอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอด้วยกำลังการผลิต 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และโครงการแหล่งน้ำดิบทางเลือกซึ่งมีกำลังการผลิต 6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

ในส่วนของธุรกิจน้ำที่ประเทศเวียดนามก็มีการเติบโตเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการดวง ริเวอร์ เซอร์เฟส วอเตอร์แพลนท์ (Duong River Surface Water Plant: SDWTP) ซึ่งบริษัทถือหุ้น 34% ที่มียอดจำหน่ายน้ำเพิ่มขึ้นถึง 26% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในบริเวณจังหวัดฮานอย และจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดบั๊กนิญ และจังหวัดฮึงเอียน

ขณะที่ บริษัท เก๋อ หล่อ วอเตอร์ ซัพพลาย บริษัทผลิตและจำหน่ายน้ำประปาที่บริษัทฯ ถือหุ้น 47% ปัจจุบันได้มีการขยายกำลังผลิตเพิ่มเป็น 8.4 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยกำลังผลิตที่เพิ่มเพื่อรองรับการเติบโตของประชากรที่สูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำประปาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ

ธุรกิจด้านพลังงาน บริษัทยังมีแผนขยายการลงทุนควบคู่กับการพัฒนาโซลูชันพลังงานหมุนเวียน ผ่านการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาให้บริการกลุ่มลูกค้าทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม โดยในปี 2564 ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นทั้งสิ้น 670 เมกะวัตต์ ซึ่งการเติบโตหลักมาจากการโครงการ โซลาร์ รูฟท็อป ซึ่งปีนี้มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว

เช่น โครงการคอนติเนนทอล ไทร์ส ตั้งในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 และโครงการของฮอนด้า จังหวัดปราจีนบุรี ส่งผลให้สิ้นไตรมาส 2/2564 บริษัทมีโครงการโซลาร์ รูฟท็อป ที่เปิดดำเนินการแล้วรวมทั้งสิ้น 46 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการโซลาร์ รูฟท็อป รวมทั้งสิ้น 63 เมกะวัตต์ จากเป้าปี 2564 ที่วางไว้ 90 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะขยายธุรกิจโซลาร์ รูฟท็อปได้ครบ 300 เมกะวัตต์ในปี 2566 ตามแผนที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเดินหน้าแสวงหาโอกาสในการลงทุนเข้าซื้อกิจการต่างๆ เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นทั้งด้านพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภค เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานของภูมิภาค

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน