นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดภายหลังร่วมลงนามในพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 12 ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Services: AFAS) ว่า สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 12 ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2564 กระทรวงคมนาคมจึงดำเนินการตามมติดังกล่าว

โดยการลงนามในพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 12 ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียนนั้น จะเป็นการลงนามในลักษณะเวียน (Ad-Referendum) โดยจะมีการส่งมอบให้ประเทศสมาชิกที่มีความพร้อมในการลงนามถัดไปจนครบ 10 ประเทศสมาชิก ซึ่งก่อนหน้านี้ กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมา และฟิลิปปินส์ ได้ลงนามพิธีสารเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ พิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 12 ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน เป็นการดำเนินการที่ประเทศไทยเสนอเปิดตลาดการให้บริการคลังสินค้า (Cargo Handling Services) แบบมีเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 โดยเป็นการอนุญาตให้ชาวอาเซียนถือหุ้นไม่เกิน 49% และอำนาจการบริหารกิจการเป็นของบุคคลสัญชาติไทย และต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของหรือผู้ดำเนินการสนามบิน

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า จะสามารถให้บริการคลังสินค้าภายในท่าอากาศยานทั้ง 7 แห่ง ในการกำกับดูแลของ กระทรวงคมนาคมได้ ดังนี้ 1.ท่าอากาศยานอู่ตะเภา 2.ท่าอากาศแม่ฟ้าหลวง เชียงราย 3.ท่าอากาศยานหาดใหญ่ 4.ท่าอากาศยานอุดรธานี 5.ท่าอากาศยานอุบลราชธานี 6.ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี และ 7.ท่าอากาศยานแม่สอด

เพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญและมีเทคโนโลยีใหม่ๆ และเพิ่มทางเลือกให้แก่สายการบินและผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางอากาศให้สามารถบริหารต้นทุนและลดค่าระวาง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกิดการขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น และช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในการขนส่งสินค้าทางอากาศทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การขนส่ง อีกทั้งยังช่วยลดความแออัดของท่าอากาศยานหลักในประเทศไทยด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน