‘ศักดิ์สยาม’​ สั่ง รฟท.เร่งประกวดราคาสายสีแดงส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง วงเงินรวมกว่า 2.83 หมื่นล้าน ม.ค.66 คาดสร้างเสร็จปี 69

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามแนวทางการดำเนินโครงการรถไฟสายสีแดง (ส่วนต่อขยาย) ผ่านระบบประชุมทางไกล ว่า การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการติดตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่ต้องการเร่งรัดผลักดันให้การเดินทางด้วยระบบรางเป็นระบบหลักของประเทศ เนื่องจากในปัจจุบันการขนส่งทางรางเป็นทางเลือกใหม่ที่คุ้มค่า สามารถลดต้นทุนทั้งด้านเวลา และด้านโลจิสติกส์ รวมถึงเป็นรูปแบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนที่จะช่วยสร้างศักยภาพและโอกาสใหม่ทางการค้า การลงทุน ที่จะนำมาสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในท้ายที่สุด

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)​ เร่งเปิดประกวดราคาหาผู้รับจ้าง สายสีแดง (ส่วนต่อขยาย) 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร วงเงิน 4,694 ล้านบาท ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กิโลเมตร วงเงิน 6,468 ล้านบาท ในเดือนธันวาคม 2565 นี้ และช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 14.8 กิโลเมตร วงเงิน 10,670 ล้านบาท

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ทั้ง 3 เส้นทางใช้วงเงินรวมประมาณ 2.83 หมื่นล้านบาท พร้อมประกวดราคาในเดือนมกราคม 2566 โดยทั้ง 3 เส้นทาง จะเริ่มก่อสร้างในเดือนพฤษภาคม 2566 โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 สามารถเปิดให้บริการต่อขยายเส้นทางจากรถไฟสายสีแดง ที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน ไปยังพื้นที่ชานเมืองทางทิศเหนือและทิศตะวันตกของกรุงเทพฯ รองรับการเดินทางของประชาชนและนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา รวมถึงประชาชนที่ใช้บริการโรงพยาบาลศิริราช ให้ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางได้อย่างตรงเวลายิ่งขึ้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า​ สำหรับช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง (มิสซิ่ง ลิงก์​) ระยะทาง 25.9 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการปรับปรุงแบบสถานีราชวิถีใหม่ให้ผู้โดยสารเดินเชื่อมเข้าสู่อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีได้สะดวก และเป็นการบูรณาการการใช้ประโยชน์เส้นทางรถไฟสายสีแดงช่วง มิสซิ่ง ลิงก์ ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุดในการเดินทางเชื่อมต่อ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2571

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ 1.ให้คณะกรรมการกำหนดราคากลางโดยพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามหลักธรรมาธิบาลอย่างเคร่งครัดก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี 2.ให้ รฟท. เสนอรูปแบบของสัญญาการประกวดราคาแบบปรับราคาได้ ซึ่งจะทำให้กรอบวงเงินโครงการลดลงตามค่า k อันจะช่วยประหยัดวงเงินลงทุนโครงการได้ ในกรณีที่มีการลดลงของราคาวัสดุหรือต้นทุนทางพลังงาน

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ยังได้กำชับต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน เพื่อผลักดันให้ระบบรางเป็นระบบหลักในการเดินทาง สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ที่จะสนับสนุนการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจโดยรอบเส้นทางที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ที่จะส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน การท่องเที่ยวนำมาสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในท้ายที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน