นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) ปี 2560 ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 1.58% อยู่ที่ระดับ 109.88 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ระดับ 107.36 สอดคล้องกับทิศทางการส่งออกปีที่ผ่านมาทั้งปีขยายตัว 10.8% ทำให้ปี 2560 คาดผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัวได้ 2% สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดไว้ขยายตัว 1.7%
ทั้งนี้ หากปีนี้ไม่มีเหตุความรุนแรงจากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกเกิดความผันผวน เศรษฐกิจคู่ค้าปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมไทยก็ดีขึ้นตามไปด้วย คาดว่าปี 2561 ดัชนีเอ็มพีไอน่าจะขยายตัว 1.5-2.5% จีดีพีภาคอุตสาหกรรมคาดขยายตัว 2-3% ซึ่งมีโอกาสจะปรับขึ้นได้ในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐอย่างใกล้ชิด
โดยประเมินแนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมไตรมาส 1/2561 จะมีแรงขับเคลื่อนจากอุตสาหกรรมอาหารจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.7% เนื่องจากความต้องการสินค้าไก่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมรถยนต์ คาดจะมีการผลิตประมาณ 500,000 คัน เพิ่มขึ้น 2.97% อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะขยายตัว 2.76% ตามการขยายตัวของความต้องการสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์โลก
อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า คาดขยายตัว 3.21% จากความต้องการเหล็กทรงยาวในอุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นหลัก และอุตสาหกรรสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่คาดเสื้อผ้าสำเร็จรูปขยายตัว 6.28% ตามทิศทางการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจของคู่ค้า เช่น จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม โดยเฉพาะการส่งออกเส้นใยและผ้าผืนไปยังตลาดกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (ซีแอลเอ็มวี)
นอกจากนี้ ประเมินว่าการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำอาจส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นหลัก อาทิ อุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมภาคบริการ อย่างไรก็ตาม ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่มีการจ้างงานในอัตราที่สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้ว ประกอบกับผู้ประกอบการส่วนหนึ่งก็มีการพัฒนาทักษะและปรับตัวหันมาใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น
นายศิริรุจ กล่าวว่า สำหรับดัชนีเอ็มพีไอเดือนธ.ค.2560 ขยายตัว 2.35% อยู่ที่ระดับ 109.88 จากช่วงเดียวกันปีก่อน 107.36 โดยภาพรวมทั้งปีขยายตัวจากปีก่อน 1.58% ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ และเป็นไปในทิศทางเดียวกับการส่งออกเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ขยายตัวถึง 11% ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 59.53%
