นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ณ 11 ก.ย. 2566 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 44,254 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 58% ของความจุอ่างฯรวมกัน เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 10,523 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 42% ของความจุอ่างฯ รวมกันจนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำทั่วประเทศไปแล้ว 15,155 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็น 102% ของแผน

เฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยามีการจัดสรรน้ำไปแล้ว 5,865 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็น 107% ของแผน ปัจจุบันมีการเพาะปลูกข้าวนาปีทั่วประเทศไปแล้ว 15.18 ล้านไร่ คิดเป็น 89% ของแผนฯ เก็บเกี่ยวแล้วประมาณ 3.74 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทำนาปีไปแล้ว 7.52 ล้านไร่ คิดเป็น 93% ของแผนฯ เก็บเกี่ยวไปแล้ว 2.53 ล้านไร่ ในส่วนของสถานการณ์ค่าความเค็มใน 4 ลำน้ำสายหลัก ได้แก่ เจ้าพระยา บางปะกง ท่าจีน และแม่กลอง ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ทั้งนี้ จากสถานการณ์เอลนีโญที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มส่งผลยาวต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นปี 2567 จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก อาจเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ และด้านการเกษตรประเภทไม้ยืนต้นเท่านั้น จึงได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ ให้ติดตามสภาพอากาศและปริมาณฝนอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำด้วยความประณีต ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 และ 3 มาตรการรองรับสถานการณ์เอลนีโญ ของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติอย่างเคร่งครัด

กรมชลประทานขอความร่วมมือเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวนาปีรอบแรกและเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ ให้งดทำนาปีต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพออาจส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูก ตลอดจนรณรงค์ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด ช่วยกันเก็บกักน้ำไว้สำรองใช้ให้ได้มากที่สุด เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน