รัฐบาล เดินหน้า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-เกาหลี ดึงการค้า-ลงทุน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันอุตสาหกรรมไทย

31 มี.ค. 67 – นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กำชับให้ผลักดันเจรจาการค้ากับต่างประเทศ รักษาตลาดเก่า เพิ่มเติมตลาดใหม่ให้สินค้าไทยที่มีศักยภาพ รวมถึงการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับทุกตลาด

โดยกระทรวงพาณิชย์ เร่งเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-สาธารณรัฐเกาหลี (Economic Partnership Agreement: EPA) สานต่อความตกลงการค้าเสรีในระดับภูมิภาค เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมของไทย ดึงดูดการลงทุน รวมถึงเปิดตลาดสินค้าและบริการของไทยไปยังสาธารณรัฐเกาหลีมากขึ้น

โดยกระทรวงพาณิชย์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารขอบเขต (Terms of Reference: TOR) ในการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-สาธารณรัฐเกาหลี (Economic Partnership Agreement: EPA) อย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมีการเจรจารอบแรกในช่วงกลางปี 2567 ทั้งนี้การเจรจาความตกลงในครั้งนี้ ต่อยอดมาจากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–เกาหลี (ASEAN – Korea Free Trade Agreement: AKFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)

ซึ่งเป็นการพัฒนาความร่วมมือที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน เช่น การเสริมสร้างความแข็งแกร่งในห่วงโซ่การผลิต และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล อีกทั้งเป็นการเพิ่มการลงทุนจากสาธารณรัฐเกาหลี ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน และเทคโนโลยีสารสนเทศ

นายชัย กล่าวว่า ในปี 2566 สาธารณรัฐเกาหลีเป็นคู่ค้าอันดับ 12 ของไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 14,736.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปสาธารณรัฐเกาหลี 6,070.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย แผงวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม

รัฐบาลเชื่อมั่นว่า ผลจากการเจรจาในความตกลงดังกล่าว จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าการส่งออก และการเปิดตลาดของทั้ง 2 ประเทศระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น ทำให้สินค้าและบริการหลากหลายชนิดของไทย ได้รับประโยชน์จากความตกลงนี้

ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และประมง เช่น เนื้อไก่แช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็ง และแปรรูป ผลไม้เมืองร้อน เช่น มะม่วง ฝรั่ง และมังคุด ผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ เช่น แป้ง ซอสและของปรุงรส ผลิตภัณฑ์ไม้ เช่น ไม้แปรรูป พาร์ติเคิลบอร์ด ไม้อัดพลายวูด เคมีภัณฑ์ และ บริการด้านธุรกิจ บริการการขนส่ง คลังสินค้า บริการด้านโรงแรมและภัตตาคาร

“นายกฯเน้นย้ำการค้า การส่งออก นอกจากจะสร้างเม็ดเงินให้กับระบบเศรษฐกิจไทย ยังเพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนไทยในทุกสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลจึงส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผ่านการเดินหน้าเจรจาในความตกลงต่างๆ เพื่อหาช่องทางและตลาดการค้าแห่งใหม่ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าไทย พร้อมกันนี้ รัฐบาลดำเนินการเพิ่มศักยภาพสินค้าไทยให้มีความพร้อมในด้านการแข่งขัน และเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายตามยุทธศาสตร์นโยบายการค้าใหม่ของสาธารณรัฐเกาหลี” นายชัย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน