นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. … ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวาระ 2 และวาระ 3 แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างรอลงราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ โดยสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎหมายเดิม ในการเพิ่มอำนาจคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และขั้นตอนกระบวนการจ่ายเงินคืนผู้ฝากเงินในกรณีสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาตจากเดิม 160 วัน เหลือ 30 วัน

“การแก้ไขกฎหมาย คลังต้องออกมาชี้แจง ไม่ได้หมายความว่าสถาบันการเงินแห่งไหนมีปัญหา เพราะเชื่อว่าทันทีที่กฎหมายมีผล อาจจะเกิดความสับสน ซึ่งเรื่องนี้เป็นการเตรียมความพร้อมไว้ เพื่อเป็นช่องทางช่วยเหลือผู้ฝากเงินไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน และยืนยันว่าปัจจุบันสถาบันการเงินมีฐานะแข็งแกร่ง”นายพรชัย กล่าว

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้สถาบันคุ้มครองเงินฝาก มีอำนาจกู้ยืมเงินโดยตรง นอกจากการออกตราสารทางการเงิน เพื่อให้มีแหล่งเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการจ่ายเงินคืนให้ผู้ฝากเงิน ในกรณีที่เงินสมทบมีไม่เพียงพอ โดยปัจจุบัน มียอดเงินสมทบจากสถาบันการเงินอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท รวมทั้งกำหนดให้คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน และสถาบันคุ้มครองเงินฝากมีหน้าที่ให้ความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมระหว่างกันได้ เพื่อเตรียมการรองรับการจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้ฝากเงินเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

นายพรชัย กล่าวว่า กฎหมายยังกำหนดให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย เนื่องจากปัจจุบันมีการสมทบเงินฝากเข้ากองทุนตามกฎหมายอยู่ด้วย และให้คณะกรรมการคุ้มครองเงินฝากรายงานผลการดำเนินงานต่อ รมว.คลังจากเดิมที่จะต้องรายงานเป็นรายไตรมาส แก้ไขเป็นรายงานทุกครึ่งปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน