ตามที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น บมจ. มอร์ รีเทิร์น (MORE) ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) ได้มีการแถลงข่าว “แนวทางการแก้ไขปัญหากรณีหุ้น บมจ. มอร์ รีเทิร์น (MORE)”

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พบว่าหลักทรัพย์บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) (MORE) มีการซื้อขายที่ผิดปกติไปจากช่วงก่อนหน้า และได้ติดตามให้ MORE ชี้แจงข้อมูล รวมทั้งได้แจ้งเตือนให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 10 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา รวมถึงขอให้บริษัทสมาชิกเพิ่มมาตรการในการกำกับดูแลการซื้อขายในหลักทรัพย์ดังกล่าวนั้น

ต่อมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้หารือร่วมกับบริษัทสมาชิก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อตรวจสอบธุรกรรมเกี่ยวกับหลักทรัพย์ MORE ที่อาจเข้าข่ายเป็นรายการที่ผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทสมาชิกบางรายในระดับที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัทสมาชิกและปริมาณธุรกรรมที่เกิดขึ้นผ่านบริษัทสมาชิกรายนั้น โดยปัจจุบันบริษัทสมาชิกทุกรายยังสามารถให้บริการกับผู้ลงทุนได้ตามปกติ

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอเรียนว่า แม้จะมีเหตุการณ์ผิดปกติดังกล่าว แต่การชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ทุกหลักทรัพย์ระหว่างบริษัทสมาชิกและสำนักหักบัญชียังคงดำเนินการไปตามปกติ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับหลักทรัพย์ MORE เป็นจำนวนมาก และมีความคลาดเคลื่อน จนอาจทำให้เกิดความสับสนในกลุ่มผู้ลงทุน ดังนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีโอกาสรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับหลักทรัพย์ MORE จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและครบถ้วน รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาทุกวิถีทางที่จะทำให้ผลกระทบน้อยที่สุดและสรุปร่วมกันว่าเห็นควรให้หยุดพักการซื้อขาย หลักทรัพย์ MORE ในวันนี้ (14 พ.ย. 2565) ซึ่งเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะทำได้ในขณะนี้

“สำหรับลำดับเหตุการณ์การซื้อขายหลักทรัพย์ MORE เป็นข้อมูลที่จะต้องนำมาใช้ในการสืบสวนต่างๆ ดังนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ขอยืนยันว่าเรากำลังตรวจสอบเรื่องทุกอย่างอยู่ และขอบอกเลยว่าเราสงสัยว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติ”

นายภากร กล่าวว่า กรณีตัวเลขความเสียหายของบริษัทหลักทรัพย์ที่เกิดจากผลกระทบการซื้อขายที่ผิดปกติของหลักทรัพย์ MORE ดังกล่าวตามที่ผู้สื่อข่าวสอบถามมานั้น เบื้องต้นยังไม่ขอดูดถึงเนื่องจากเป็นตัวเลขที่ต้องนำไปใช้ในการสืบสวนต่างๆ และเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นกรณีศึกษาเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์นี้ได้ดีขึ้นในอนาคต ดังนั้นข้อมมูลที่ยังไม่ชัดเจนและไม่แน่นอน ขอความร่วมมือไม่ให้นำออกไปใช้

ประกอบกับหลักทรัพย์ MORE ซึ่งมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแค็ป 10,000 ล้านบาท มีปริมาณการถือครองหุ้นของผู้ลงทุนรายย่อย หรือฟรีโฟลต 50% หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท เทียบกับขนาดของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ของไทยซึ่งอยู่ที่ 20 ล้านล้านบาท ซึ่งการซื้อขายหุ้น MORE มีการซื้อขายมากผิดปกติ ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ สงสัยและมีการตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 10-11 พ.ย.ที่ผ่านมา อย่างต่อเนื่อง พร้อมประชุมหารือร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นอย่างไร เพื่อให้กระทบกับความมั่นใจของนักลงทุนในระบบให้ได้ดีที่สุด และทำให้เกิดข้อเสนอออกมาในวันนี้

โดยสิ่งที่ทำให้มั่นใจได้ว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีความมั่นคง ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ยังดำเนินการได้เหมือนเดิม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ในวันนี้จะไม่มีการซื้อขายหุ้น MORE เกิดขึ้น ส่วนหุ้นตัวอื่นยังมีการซื้อขายได้ตามปกติ ดังนั้นขอให้ผู้ลงอย่ากังวล โดยเฉพาะกรณีหุ้น MORE ในเรื่องของการชำระเงินของบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ การส่งมอบหลักทรัพย์ การให้บริการงานสำนักหักบัญชีการซื้อขายหลักทรัพย์ (TCH) เป็นไปตามปกติ โดยไม่มีเหตุติดขัดใดๆ สะท้อนถึงความเข้มแข็งทางการเงินของโบรกเกอร์ไม่ได้มีปัญหา เพราะทุกอย่างดำเนินการได้ตามปกติ ดังนั้นขอให้ผู้ลงทุนมีความมั่นใจได้ว่าโบรกเกอร์จะส่งมอบหลักทรัพย์และจ่ายเงินได้ตามปกติ ส่วนเรื่องการตรวจสอบความผิดปกติของการซื้อขายหุ้น MORE จะมีการแจ้งความคืบหน้าออกมาเป็นระยะ

“ความเชื่อมั่นของระบบระหว่างโบรกเกอร์ กับ TCH หรือ ตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ที่มีปัญหาในขณะนี้คือ การซื้อขายของนักลงทุนกับโบรกเกอร์ว่ามีปัญหาหรือไม่ ประเด็นนี้เองจึงเป็นที่มาทำให้หน่วยงานกำกับหลักทรัพย์ จึงออกมาร่วมตรวจสอบและอยู่ในอำนาจของสถาบันการเงินที่จะตรวจสอบรายการดังกล่าว”

นายภากร กล่าว พร้อมยืนยันว่าระบบการเงินในตลาดทุน ณ วันนี้ทุกอย่างไม่มีปัญหา ส่วนผลการตรวจสอบความผิดปกติของการซื้อหุ้น MORE จะเป็นอย่างไร จะมีการสืบสวนและส่งให้ผู้มีอำนาจดูแลทำหน้าที่ต่อไป ส่วนในแง่ความกังวลต่อสถานะการเงินของบริษัทหลักทรัพย์นั้นต้องยอมรับว่าแต่ละบริษัทมีสถานะการเงินไม่เหมือนกัน ซึ่งผลกระทบจากการซื้อขายหุ้น MORE ดังกล่าวไม่เท่ากัน หากแต่ว่าขณะนี้บริษัทหลักทรัพย์ยังไม่มีปัญหาจากกรณีดังกล่าว และยังส่งมอบหุ้น จ่ายเงิน และให้บริการได้ตามปกติ และเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NCR) ของบริษัทหลักทรัพย์ในขณะนี้ยังมีเพียงพอ และขอให้มั่นใจได้ว่าเงินกองทุนของตลาดหลักทรัพย์ยังมีมากเพียงพอ

นายภากร ยังตอบข้อซักถามที่ว่าตลาดหลักทรัพย์ ดำเนินการช้าไปหรือไม่กรณีการซื้อขายหุ้น MORE เนื่องจากเกิดตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2565 ทั้งนี้ กฏระเบียบต่างๆ มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดถูกไม่ได้รับความเชื่อถือ ดังนั้นหากตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามซื้อขายหุ้น MORE ตั้งแต่วันแรก ทั้งที่ยังไม่มีเหตุผล และหลักฐานพร้อมเพียงพอที่จะบ่งบอกว่าน่าสงสัย ในอนาคต ตลาดผู้เล่น นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนทั่วโลก จะมีความมั่นใจได้อย่างไร ดังนั้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้มีส่วนร่วมในตลาด และผู้กำกับดูแล ได้มีการรวบรวมข้อมูลและหลักฐานที่เพียงพอ ที่จะสามารถพิจารณาขึ้นเครื่องหมาย SP ในวันนี้ ส่วนจะใช้เวลานานเพียงใด ยังไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาในแต่ละวัน ส่วนมูลค่าการซื้อขายหุ้น MORE ของแต่ละบริษัทหลักทรัพย์เป็นมูลค่าเท่าไรก็ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นสืบสวน

เรามีความกังวลกับเรื่องความเชื่อมั่นมากที่สุด จึงเป็นเหตุผลทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับสมาคมหลักทรัพย์ ออกมาให้ข้อมูลในครั้งนี้ และขอให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนทั่วโลกว่าระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และความเข้มแข็งของบริษัทหลักทรัพย์ไม่มีปัญหา และหลังจากนี้ไปจะมีการนำบทเรียนมาปรับปรุงวิธีการและอุดช่องโหว่ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอนาคต

ด้านนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า กรณีการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาหลักทรัพย์ MORE ลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในวันที่ 10 และ 11 พ.ย. 2565 ซึ่งพิจารณาได้ว่าอาจเข้าข่ายผิดปกติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และอาจจะทำให้เกิดความกังวลในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์รวมถึงการใช้บริการของบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งทางสมาชิกของสมาคม ได้ร่วมหามือกันร่วมกับหน่วยงานกำกับหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. และปปง. เพื่อที่จะช่วยกันหาแนวทางในการพิจารณาตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์

สำหรับผลกระทบต่อบริษัทหลักทรัพย์ โดยยืนยันว่าสมาชิกทุกรายยังสามารถจะให้บริการลูกค้าได้ตามปกติ ทั้งนี้ สมาชิกทุกรายอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์การกำกับดูแลเดียวกัน และทุกรายให้ความร่วมมือในการที่จะตรวจสอบธุรกรรมที่เกิดขึ้นว่ามีการทำธุรกรรมการอย่างไรและเป็นไปตามกฎหมายและเป็นไปตามที่หน่วยงานกำกับได้มีกฎเกณฑ์ เพื่อจะพิจารณาและหากว่าธุรกรรมมีความผิดปกติ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมกับจะมีการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนต่อไป

“อยากจะให้ความมั่นใจว่าในเชิงบริษัทหลักทรัพย์สามารถให้บริการต่อไปได้ ซึ่งที่ผ่านมามีข่าวออกไปมีความคลาดเคลื่อนพอสมควร เข้าใจว่าอาจมีการตรความไปหลายทางซึ่งอาจสร้างความสับสนให้ผู้ลงทุน ทางบริษัทหลักทรัพย์เชื่อมั่นว่าธุรกรรมที่เกิดขึ้นดังกล่าวไม่ได้มรผลกระทบอย่างมากต่อธุรกรรมทั้งหมด เพราะเกิดขึ้นเพียงหลักทรัพย์เดียวอีกทั้งยังมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคป ไม่สูงมาก ซึ่งเป็นธรรมชาติที่อาจทำให้เกิดความกังวลกันบ้างแต่คิดว่าทุกอย่างจะกลับสู่สภาวะปกติได้”

นายพิเชษฐ์ กล่าวเสริมว่า กรณีผู้ลงทุนไม่ชำระราคาค่าซื้อหลักทรัพย์ เกิดขึ้นทุกวัน ซึ่งทางโบรกเกอร์มีการดำเนินการตามกฎหมายเป็นปกติทุกประการ เพียงแต่ว่ารายการซื้อขายหุ้น MORE เป็นรายการใหญ่แต่การดำเนินการก็เป็นไปตามกระบวนที่มีอยู่แล้วตามปกติ อาทิ กรณีนักลงทุนไม่ชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ โบรกเกอร์ก็จะมีการนำทรัพย์สินของผู้ซื้อนำไปหักค่าซื้อค่าขาย และหากทรัพย์สินไม่เพียงพอก็เข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องตามกฎหมาย ขณะเดียวกันทางโบรกเกอร์ที่ดูแลลูกค้าฝั่งซื้อหุ้น MORE ทั้งหมดก็ได้มีการพูดคุยกับผู้ซื้อ ส่วนหากตรวจสอบพบว่า ผู้ซื้อกับผู้ขายหุ้น MORE มีความเกี่ยวเนื่องกัน ก็ต้องดำเนินการตามข้อกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน