ONCE UPON A TIME IN HOLLYWOOD
กาลครั้งหนึ่งในฮอลลีวู้ด
คอลัมน์ หนังเด่น
โดย กฤษฎา
เมื่อพิจารณาที่ “จำนวนครั้ง” และ “ลำดับ” การออกฉาย หนังเรื่องนี้เป็นผลงานลำดับที่ 10 ของ เควนติน ตารันติโน เรื่องแรก Reservoir Dogs ออกฉายเมื่อปี 1992 จำได้ว่าผมแนะนำให้เพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งไปดูเพราะเห็นว่าน่าสนใจ (โดยละเลยเรื่องรสนิยมเฉพาะบุคคล) ผลก็คือ “ให้ไปดูหนังอะไรวะ มีฉากตัดหูด้วย!”
เรื่องที่สอง Pulp Fiction ออกฉายในอีก 2 ปีต่อมา เป็นหนังที่ผมได้รับรู้ปฏิกิริยาต่อหนังมากมายหลายทิศทาง มีทั้งสรรเสริญ หลงใหล เบื่อหน่าย และส่ายหน้า รอบที่ผมดูเห็นคนเดินออกจากโรงเมื่อหนังผ่าน ไปได้ราวครึ่งทาง ไม่ว่าจะก่อปฏิกิริยาอย่างไร สำหรับผมทั้ง 2 เรื่องเป็นงานที่มีบทภาพยนตร์ที่ดีเด่นที่สุดคู่หนึ่งในรอบทศวรรษ
เรื่องที่สาม เป็น Jackie Brown สี่ Kill Bill Vol.1 ห้า Kill Bill Vol.2 หก Death Proof เจ็ด Inglourious Basterds แปด Django Unchained และเก้า The Hateful Eight
รวมแล้วตลอดระยะเวลา 27 ปี ตารันติโนมีหนังออกฉายเฉลี่ยราว 2 ปีครึ่งต่อหนึ่งเรื่อง ในแง่ปริมาณและคุณภาพนับว่าเป็นผู้กำกับฯ และคนเขียนบทที่ทำงานอันเป็นเอกลักษณ์ และอย่างขยันขันแข็งคนหนึ่ง
จุดเริ่มต้นของ Once Upon a Time in Hollywood มาจากเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนั้นตารันติโนได้ทำงานกับนักแสดงคนหนึ่ง ที่มีสตันต์แสดงแทนเขามานาน 20 ปี นักแสดงคนนั้นขอตารันติโนว่า อยากให้สตันต์ได้ทำงานด้วย โดยไม่เกี่ยงว่าบทที่ได้จะมากหรือน้อย
ตารันติโนตอบตกลงตามคำขอ ความสัมพันธ์ของนักแสดงและสตันต์คู่นั้นสร้างแนวคิดที่นำไปสู่การแต่งเรื่องเกี่ยวกับฮอลลีวู้ด ศูนย์กลางของเรื่องนี้จึงเป็นคู่ดารากับสตันต์ที่ทำงานร่วมกันมานาน ยามไร้งาน สตันต์ผู้เป็นทั้งเพื่อนและลูกจ้างก็ทำงานอื่นๆ ให้ อาทิ เป็นคนขับรถรับ-ส่ง ซ่อมเสาทีวี เฝ้าบ้าน รวมถึงเพื่อนกินเหล้า
เรื่องราวในหนังเกิดขึ้นปี 1969 มีการผสมผสานทั้งบุคคลและเหตุการณ์ จริงตามประวัติศาสตร์และเรื่องที่แต่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ในเรื่องที่แต่งขึ้นยังมีเรื่องที่แต่งขึ้นซ้อนอยู่อีกชั้น กรณีบุคคลและเหตุการณ์จริงก็เช่น สตีฟ แม็กควีน, โรมัน โปลันสกี้, บรูซ ลี, ชารอน เทต, ชาร์ลส์ แมนสัน และเหตุฆาตกรรมสยองแห่งยุค
ส่วนเรื่องที่แต่งขึ้นคือชีวิตการทำงานของดารา ที่มีทั้งฉากนอกจอในกองถ่ายและในจอซึ่งมีลักษณะแบบหนังว่าด้วยการทำหนัง และหนังที่อยู่ในหนัง
อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วนี่คือหนังว่าด้วยโลกมายา แม้แต่เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ก็สามารถแต่งขึ้นใหม่ราวกับเป็นคนละเรื่อง และเป็นหลักฐานตอกย้ำสนับสนุนว่าตารันติโนเป็นนัก “เสกสรรค์ ปั้นแต่ง” ผู้ “อิน”
กับหนังและวัฒนธรรมการดูหนัง ซึ่งคนดูผู้จะได้รับความเพลิดเพลินต้องผ่านประสบการณ์การดูหนังมาพอสมควร นอกเหนือจากจุดเด่นที่บทภาพยนตร์ อีก 2 จุดเด่น ได้แก่งานออกแบบงานสร้างที่สร้างปลายยุค 60 ราวกับเนรมิตและการแสดงของสองผู้แสดงนำ
เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ ถ้าหากทั้งหมดที่กล่าวไปไม่มีชื่อเข้าชิงรางวัลของสถาบันใหญ่