‘ยุ้ย’แง้มเคล็ดลับอยู่มายา จริงใจอดทน ปรับตัวตามสภาพ

‘ยุ้ย’แง้มเคล็ดลับอยู่มายา จริงใจอดทน ปรับตัวตามสภาพ – เรียกว่าเป็นนางเอกพันปีก็ว่าได้ สำหรับนางเอกสาววัย 38 ปี ‘ยุ้ย’ จีรนันท์ มะโนแจ่ม ที่ยืนหยัดอยู่วงการมาครึ่งชีวิต ล่าสุดถ่ายทอดฝีมือแสดงบทบาทเมียหลวง ‘เดือนดารา’ จากยุคอดีตถึงยุคปัจจุบันในละคร “วิมานมนตรา” ทางช่อง 7HD ได้เฉียบคม จนกระแสกระหึ่มโซเชี่ยล

วันนี้โอกาสดีได้จับเข่าพูดคุยกับ ‘ยุ้ย จีรนันท์’ ทั้งเรื่องงานและส่วนตัว

• ประเดิมต้นปีใหม่กับละคร “วิมานมนตรา” เป็นยังไงบ้าง?

ยุ้ย – “เรื่องนี้ใช้เวลาการถ่ายทำเกือบปี พอออกอากาศมาแล้วคุ้มค่า เพราะมีแต่เสียงชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโปรดักชั่น แสง หน้า ผม เครื่องแต่งกาย แม้กระทั่งนักแสดงทุกคนได้รับคำชมหมด ได้รับบทบาทที่โอเค แล้วไม่ได้มีแค่นี้ แต่มีหลายยุค ซึ่งแต่ละตัวละครมีสีสันหมดเลย พี่ลอร์ด (สยม) ติดต่อยุ้ยให้เล่นเรื่องนี้ไว้นานมาก พออ่านเรื่องย่อปุ๊บไม่มีอะไรที่ต้องปฏิเสธเลยว่าจะไม่เล่น มันน่าเล่นมาก บทเรื่องนี้เป็นเรื่องของเราเลย แล้วต้องเล่นเป็นคนอายุเป็นร้อยปี ต้องเป็นโสเภณี ต้องอะไรหลายอย่าง เลยมีความรู้สึกอยากเล่น”

• บทบาทในเรื่องนี้มีอะไรแตกต่างและท้าทายตัวเราบ้าง?

ยุ้ย – “เรื่องนี้นอกจากจะดราม่าหนัก ยังร้ายด้วย แต่ร้ายจะมีมิติมากกว่าสาลี่ ในนางทาส อันนั้นร้ายไม่มีเหตุผล เห็นหน้าอีเย็นก็หมั่นไส้แล้ว อยากตบอย่างเดียว แต่พอในวิมานมนตรา จริงๆ เดือนดาราเป็นคนดี รักพ่อแม่ มีความกตัญญู แต่ด้วยปมที่มีทำให้ตัวละครตัวนี้มีมิติ ทำไมเล่นร้ายแล้วคนยังรัก เพราะเขาน่าสงสาร พอจะเข้ามาในบ้านก็คิดว่าชีวิตต้องดีแล้ว แต่กลับมาเจอแม่ผัวที่ร้ายใส่อีก เพราะฉะนั้นเดือนดาราก็จะตอบโต้ในสิ่งที่เขาได้รับ”

“เรื่องนี้ค่อนข้างใช้พลังเยอะ เพราะต้องเล่นทั้งตอนที่ไม่ได้โกรธแค้นด้วย เวลารักใครก็แสดงความรักอย่างชัดเจนให้ไม่ได้ดูรู้สึกว่าตัวละครนี้ร้ายตลอดเวลา ง่ายๆ คือแบ่งพาร์ตว่ากับคนนี้เราต้องร้าย คนนี้ต้องดีต้องรัก ฉะนั้นความยากอยู่ตรงนี้ แล้วอย่างเวลายุ้ยแสดงความรักกับพี่เอก (รังสิโรจน์) มันจะมีทั้งรัก ทั้งแค้น ทั้งเจ็บปวด แค่พูดก็ต้องน้ำตาไหลแล้ว

ถ้าได้ดูกันจะมีตอนที่ยุ้ยต้องฟาดตัวเองด้วยเข็มขัดเหล็กของคุณยาย บอกเลยฉากนั้นเจ็บจริง หลังเลือดอาบเลย เนื่องจากหลังยุ้ยเป็นกระดูก น้ำตาไหลแต่ต้องทำหน้าแบบฉันไม่เจ็บ ฉันแค้น ฉากนั้นอินสุดมากจริงๆ ถ่ายเสร็จคืนนั้นกลับไปอาบน้ำที่บ้านคือแสบมาก หลังที่เป็นกระดูกเป็นแผลไปหมดเลย”

• แล้วพอตอนอายุเป็นร้อยปีล่ะ?

ยุ้ย – “จะมีเรื่องเสียงและท่าทางการเดินที่ต้องปรับ จากที่เคยสง่างาม พอโกรธหรือมีอะไรมากระทบจิตใจจะเหี่ยวทันที เสียงจะเป็นคนป่วยแก่ เดินจะหลังค่อมๆ พอเห็นตัวเองในกระจกก็จะรับไม่ได้ กรี๊ดกร๊าดโวยวาย เพราะไม่ยอมแก่ ก็จะต้องกินเลือด ดูตัวเองแล้วก็กลัวเหมือนกัน (หัวเราะ) เวลายุ้ยดุหรืออารมณ์ขึ้นดูน่ากลัว เพียงแต่เดือนดาราเนี่ยถ้าไม่มีใครทำเขาเขาก็จะไม่ทำใคร เขามีจิตใจเมตตาด้วยซ้ำ แต่ถ้าใครร้ายกับเขาเขาจะร้ายกลับ เดี๋ยวยังมีอีกหลายศพ ใครทำอะไรเอาไว้เดือนดาราเอาคืนหมดค่ะ”

• เล่นเรื่องนี้จะเป็นไบโพลาร์ไหม?

ยุ้ย – “ไม่ๆ ค่ะ โชคดีที่ตัวเองเล่นละครมาเยอะ เวลาเรียนการแสดงมาจะรู้จักวิธีการปล่อย สลัดได้ มีวิธีการจัดการกับอารมณ์ตัวเอง”

• ร่วมงานกับนักแสดงหลายเจนเลย เป็นยังไงบ้าง?

ยุ้ย – “อย่างบิ๊กเอ็ม (กฤตฤทธิ์) กับตูน (พิมพ์ปวีณ์) คือเรื่องแรกที่ได้เจอกัน น้องเก่งมากอยู่แล้วไม่มีอะไรน่าห่วง ส่วนกับพี่เอกนี่คือเซียน เข้าฉากกันลื่นไหลมากๆ ยุ้ยจะมีเลิฟซีนกับพี่เอกค่อนข้างเยอะ ตอนเล่นก็ไม่ห่วงอะไรมาก รู้ทางกันหมด

ยุ้ยกับพี่เอกร่วมงานกันมาเยอะ ราบรื่นมาก ส่วนเด็กๆ คนอื่นก็น่ารักหมด แล้วทุกคนจะเกร็งยุ้ย จนต้องบอกว่าไม่ต้องเกร็งและพยายามพูดคุย อยู่กองถ่ายก็เอาอาหารมาทำกินกันเพื่อให้ทุกคนรีแล็กซ์ เพราะเวลาที่ทำงานยุ้ยจะไม่คุยเล่น เนื่องจากต้องจริงจังและมีสมาธิกับบท แต่พอพักเบรกเมื่อไหร่จะรีแล็กซ์ให้น้องๆ ผ่อนคลาย”

• นอกจาก “วิมานมนตรา” แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกไหม?

ยุ้ย – “ตอนนี้มีตะวันอาบดาว ซึ่งจะแซ่บคนละแบบ เรื่องนั้นเลิฟซีนดุเดือดมาก มากกว่าเรื่องนี้อีก เออ…ทำไมเดี๋ยวนี้ได้รับแต่อะไรอย่างนี้ (หัวเราะ) แต่ตะวันอาบดาว คนละเรื่องกับวิมานมนตรา เลย จะเป็นละครปัจจุบัน มีฉากเลิฟซีนแรงๆ ที่ยุ้ยไม่เคยเล่นมาก่อน ถือเป็นเรื่องที่ยากสำหรับการเป็นนักแสดงของยุ้ย ให้ไปร้าย ไปบู๊ ง่ายกว่าให้ยุ้ยทำแบบในตะวันอาบดาว อีก ต้องไปดูในละคร คือมันจะมีความยั่วยวนเยอะมาก กินเด็กด้วย (หัวเราะ)”

• วางโพสิชั่นตัวเองกับงานในวงการไว้ยังไง?

ยุ้ย – “จริงๆ ยุ้ยคิดว่าตัวเองคือนักแสดงมากกว่า ไม่ใช่นางเอก ฉะนั้นต้องเล่นได้ทุกบทและอยากทำให้ดีด้วย เอาจริงๆ ตัวยุ้ยเองยังเบื่อเลยกับคำว่านางเอกที่ต้องเล่นเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาทุกเรื่อง ยุ้ยอยากเล่นทั้งบู๊ทั้งร้าย หรือบทที่มีอะไรให้เล่นให้ท้าทาย พอได้รับบทอะไรแบบนี้จะตื่นเต้นทุกครั้ง และรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กใหม่เวลาต้องมาเข้าฉาก (หัวเราะ)”

• เคยเล่นบทแม่หรือยัง?

ยุ้ย – “เล่นเป็นแม่หลายเรื่องมาก อย่างตอนเพลิงพระนาง ก็เป็นแม่ เพียงแต่บทยังเป็นตัวนำอยู่ วิมานมนตรานี่ยุ้ยก็ไม่ได้เป็นนางเอก แต่จะเป็นบทที่โอเคบทนำหน่อย เอาจริงๆ การทำงานละครของยุ้ยคือเลือกจากบทเป็นหลัก เรื่องไหนที่ยุ้ยอยากเล่น เรื่องไหนที่ยุ้ยคิดว่ามีอะไรทำ เล่นแล้วมีความสุขดีกว่า”

• อยู่วงการมาเกือบ 20 ปีแล้ว?

ยุ้ย – “ใช่ค่ะ 19 ปีแล้ว หลายคนเห็นตั้งแต่ยุ้ยยังเป็นเด็กๆ เข้ามาตอนอายุ 19 ตอนนี้ 38 จะ 39 แล้ว พูดง่ายๆ คืออยู่ในวงการบันเทิงมาครึ่งชีวิต อาชีพนักแสดงอยู่ในสายเลือด ทุกๆ เช้าที่ยุ้ยได้ตื่นมาทำงาน บางคนถามว่าเบื่อมั้ย ไม่เบื่อเลยค่ะ เพราะคิดว่าถ้ายุ้ยไม่ได้ถ่ายละครคงนอนร้องไห้ ฉะนั้นยุ้ยจะเบื่อได้ยังไงในเมื่อมันคือสิ่งที่ยุ้ยรัก ถ้าวันหนึ่งให้ยุ้ยเลิกเล่นละครแล้วให้ไปนั่งหน้าคอมพ์คือทำไม่ได้แน่นอน”

• คำว่าจะเกษียณตัวเองคงไม่มีอยู่ในหัวเลยใช่ไหม?

ยุ้ย – “ไม่มีเลยค่ะ เพราะไม่มีความคิดในหัวว่าจะเลิกเล่นละคร ยุ้ยคงจะอยู่ในวงการแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหมือนคุณอาดวงดาว (จารุจินดา) ที่เป็นไอดอลของยุ้ย จะเล่นละครไปจนกว่ายุ้ยจะลุกจากเตียงไม่ไหว จนตอนนี้มีความรู้สึกว่าจะต้องมีน้องเนี่ย ใจก็คิดไปล่วงหน้าแล้วว่าถ้ามีน้องแล้วจะไปถ่ายละครได้มั้ย จะเป็นยังไง คิดไปถึงขั้นนั้นแล้ว”

• ปรับตัวกับวงการบันเทิงในยุคสมัยนี้ยังไงบ้าง?

ยุ้ย – “ปรับตัวไปตามสภาพเลยค่ะ ยุ้ยคิดว่าอะไรจะปรับเปลี่ยนขนาดไหนเราแค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อยู่ในฐานะรุ่นพี่ ในฐานะนักแสดงที่ยังรับผิดชอบต่อหน้าที่ ถ้าวางตัวเองแบบนี้ได้เชื่อว่าก็ไม่มีอะไรมาทำอะไรเราได้ เราก็อยู่ของเราไปแบบนี้ โลกจะเปลี่ยนแค่ไหนเราต้องอยู่ให้ได้”

• เคล็ดลับที่ทำให้ตัวเองยังอยู่แถวหน้าของวงการมาได้ถึง 19 ปี?

ยุ้ย – “ยุ้ยจริงใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ ตั้งใจอดทนกับสิ่งที่ได้เจอ ยุ้ยเชื่อว่างานทุกงานหรือทุกอาชีพไม่มีอะไรที่ไม่มีปัญหา เพราะฉะนั้นถ้ามันมีปัญหานั่นคือเราจะอยู่ยังไงกับมันให้ได้ แล้วทำทุกอย่างด้วยความจริงใจของเรา การที่ยุ้ยมีทุกวันนี้เพราะสิ่งที่ยุ้ยทำแล้วตั้งใจมาตลอด จริงใจและซื่อสัตย์กับอาชีพตัวเอง จริงใจต่อเพื่อนร่วมงานทุกคน เชื่อว่าถ้ายุ้ยไปร่วมงานกับที่ไหนไม่มีใครไม่ชอบหรือเบื่อแน่นอน ทุกคนก็จะเมตตาเรา”

• ทำไมถึงอยู่บ้านหลังที่ชื่อว่าช่อง 7 มาได้นานขนาดนี้?

ยุ้ย – “ยุ้ยรักและอยากอยู่บ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะช่องหรืออะไรหลายๆ อย่างติดต่อมาเยอะมาก แม้กระทั่งละครมาเสนอเยอะ แต่ยุ้ยก็ต้องเลือกที่บ้านยุ้ยก่อน เอาจริงๆ ทุกวันนี้ยุ้ยเป็นอิสระ ไม่ได้มีสัญญากับช่อง 7 แต่เป็นเรื่องของทางใจ รวมถึงอย่างที่บอกว่ายุ้ยยังอยากอยู่ที่บ้านหลังนี้อยู่ จนกว่าบ้านหลังนี้จะไม่เมตตากัน (หัวเราะ)”

• แล้วการเป็นเบื้องหลังมองไว้ยังไงบ้าง?

ยุ้ย – “ยุ้ยคงจะทำต่อไปเรื่อยๆ ตราบที่ช่องยังให้โอกาส ที่ผ่านมาเคยเป็นผู้จัดละครมา 2 เรื่อง คือ เชิงชายชาญ และหนี้เกียรติยศ ซึ่งเรื่องหลังกำลังถ่ายทำอยู่ เรียกว่ายังทำควบคู่กันไปทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่งานเบื้องหน้าอาจจะเด่นกว่า เพราะเบื้องหลังคนจะไม่ค่อยรู้”

สุขชีวิตคู่-เหมือนเป็นคนคนเดียวกัน

แต่งงานกับแฟนหนุ่ม ‘ธันน์ ธนากร’ ครบ 1 ปีเต็ม เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย ‘ยุ้ย จีรนันท์’ เปิดใจถึงชีวิตคู่ให้ฟังว่า “หลังแต่งงานมา 1 ปียุ้ยว่าเรารักกันมากขึ้น ตอนนี้มีความรู้สึกเหมือนเราเป็นคนคนเดียวกัน ชีวิตเราเหมือนมีอีกคนหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิต

ต่อไปนี้การตัดสินใจหรือว่าการทำอะไรทุกอย่างเราไม่มีสิทธิ์คิดคนเดียว ต้องให้เกียรติเขาด้วย แล้วก็มีคนที่เราต้องดูแลมากขึ้น”
“บางคนถามว่าตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา คบเป็นแฟน จนมาแต่งงาน รวมกันถึงตอนนี้ 12 ปี ไม่เบื่อกันบ้างเหรอ ไม่เบื่อนะคะ ส่วนเรื่องทะเลาะกันจุกจิกมันมีอยู่แล้ว แต่มันคือเรื่องที่ให้อภัยกันได้ง่ายมาก ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แล้วพอมาเปรียบเทียบกับความสุขที่เรามี คือเทียบกันไม่ได้เลย

ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา เขาไม่เคยทำให้ยุ้ยทุกข์ใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้หญิงหรือเรื่องอะไร แล้วยุ้ยก็เคยผ่านการมีแฟนมาแล้ว ก็จะมีความรู้สึกว่าเออ…ไม่เหมือนกัน มันเทียบกันไม่ได้กับสิ่งที่เขาซื่อสัตย์กับเรา หรือสิ่งที่เราอยู่ด้วยกันแล้วเรามีความสุข กลับกลายเป็นตอนนี้วันไหนห่างกันจะเริ่มคิดถึง เพราะอยู่ด้วยกันมานาน มีความรู้สึกว่าชีวิตเรามีเขาทุกวัน เหมือนที่บอกตอนนี้กลายเป็นครึ่งหนึ่งของชีวิต อนาคตถ้าจะมีปัญหาก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้มีความสุขมาก”
คู่เราหวานไม่เปลี่ยนตั้งแต่ก่อนแต่งยันหลังแต่ง “เราไม่มีปัญหาและไม่อยากสร้างปัญหา เพราะทุกวันนี้มีความสุขดีแล้ว”
วางแผนเรื่องมีลูกถึงไหนแล้ว ยุ้ยกล่าวว่า “จริงๆ ไปฝากไข่มาแล้วรอบหนึ่ง แต่ไม่สำเร็จ เพราะยุ้ยไม่แข็งแรง ด้วยทำงานหนักมาก พักผ่อนน้อยมาก คุณหมอเลยบอกว่าขอให้ปิดกล้องให้หมดก่อนได้มั้ย แล้วพัก 1-2 เดือนเต็มๆ ในการที่จะต้องดูแลตัวเอง ยุ้ยจะต้องมานั่งฉีดยาเข้าพุงตัวเองทุกวัน กินไข่วันละ 8-10 ฟอง แล้วต้องไม่เครียด ไม่ร้องไห้ สบายๆ ไปเที่ยว

ล่าสุดคุยกับธันน์ไว้แล้วว่าเดี๋ยวรอปิดกล้องตะวันอาบดาว ก็ไปเที่ยวกันเลย 1 เดือน จะกิน จะบำรุง จะดูแลตัวเอง เพราะยุ้ยไม่มีไข่เลยตอนไปฝาก คือน่าตกใจมาก มีฟองเดียวอย่างเงี้ย ถ้าเทียบกับคนอื่นที่มีเป็นสิบฟอง เห็นแล้วแบบไม่น่าเชื่อ เพราะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรง ทำงานมาตลอด ไม่คิดว่าตัวเองจะไม่มีไข่อะไรแบบนี้”

อยากมีลูกกี่คน “ตั้งใจอยากมี 2 คน แต่ตอนนี้คนเดียวให้มีก่อน (หัวเราะ) เพราะยากเหลือเกิน แล้วก็ไม่อยากคาดหวังแล้ว แค่ได้คนเดียวตอนนี้ก็ดีใจแล้วค่ะ ส่วนตัวยุ้ยอยากได้ลูกผู้หญิงที่เป็นเหมือนเรา แต่เขาอยากได้ลูกผู้ชาย จะได้ไปเตะบอลไปบู๊ต่อยมวยอะไรของเขา

เราก็บอกว่าเดี๋ยวว่ากันจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้หมด ถามว่ามูเตลูบ้างมั้ย ยุ้ยจะใช้วิธีสวดมนต์และอธิษฐานมากกว่า (หัวเราะ) แล้วก็ขอให้ได้ลูกที่ดีที่เป็นเหมือนเราก็พอใจแล้ว”

ส่วนตัวคิดว่าการมีลูกเป็นเรื่องสำคัญไหมที่จะทำให้คำว่าครอบครัวสมบูรณ์ “เรื่องนี้คุยกันแล้วเพราะธันน์อยากมีลูกมาก แต่ก็คุยไว้ด้วยว่าถ้าไม่มีก็ไม่เป็นอะไร เราไม่อยากคาดหวัง เพราะยิ่งคาดหวังจะยิ่งไม่ได้ ตอนนี้คิดแค่ว่าถ้าใครมีบุญจะได้มาเกิดเป็นลูกเราก็มา หลังจากมีลูกแล้วงานเบื้องหลังทำได้แน่นอน แต่งานเบื้องหน้าเต็มที่เลยขอเวลา 1-2 ปีที่ดูแลลูกเต็มที่ แต่เชื่อว่าก็รับได้อยู่”

สุดท้าย นางเอกสาวเผยถึงนิยามความรักของตนเองว่า “ความรักคือความสุข การเสียสละ และให้อภัย ยุ้ยเชื่อว่าความรักอย่างเดียวมันอยู่ด้วยกันไม่ได้ค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน