คอลัมน์ สกู๊ปบันเทิง

‘โบวี่’ธรรมะเกลาจิต – ฮือฮา หลังดาราสาว ‘โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ ทุ่มแรงทุ่มใจ 6 ปี บรรจงสร้างบ้านหรูในฝันเพื่อครอบครัว แต่บ้านที่สร้างเสร็จกลับไม่ได้อยู่ ต้องประกาศขาย

วันนี้มาเปิดใจถึงความเป็นไปเป็นมา รวมถึงอัพเดตการงาน และความรักที่ตอนนี้หัวใจเป็นสีชมพู

◆ หลังประกาศขายบ้าน หลายคนตกใจเพราะบ้านสวยมาก?

โบวี่ – “เนื่องจากใช้เวลาสร้างนาน 6 ปี แล้วคุณแม่อายุเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนพอแม่ลองมาบ้านหลังนี้ เขาก็ไม่อยากย้ายมา เขารู้สึกเหงา เพราะบ้านเดิมจะมีบ้านญาติ มีเพื่อนๆ เขาอยู่ละแวกเดียวกัน เขาอยากให้ขาย เพื่อไปซื้อที่ดินแถวๆ บ้านเก่า แล้วสร้างใหม่แทน ก็เลยต้องขายค่ะ เสียดายมาก ยังไม่มีใครได้เข้าอยู่เลย สร้างมา 6 ปี เราใส่ใจ ดูแลทั้งหมด มีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มสร้าง ร่วมทำงานกับสถาปนิกเยอะมาก แล้วพอต้องขายคือโอ้โห (ทำหน้าเสียดาย)”

“แต่มีอีกจุดหนึ่งที่ตัดสินใจยอมขาย คือ แม่บอกว่าอยากให้ขายบ้านหลังนี้เพื่อไม่ต้องมีหนี้ เพราะบ้านหลังนี้โบกู้แบงก์ เขาอยากให้ขายจะได้ปลดหนี้ ไม่ต้องกังวลใจผ่อนเยอะมากให้เหนื่อย เพราะผ่อนเดือนนึงเป็นแสน ซึ่งบ้านหลังใหม่ที่จะสร้างเราจะเอาเงินเท่าที่ได้มา สร้าง โดยไม่กู้แล้ว แม่พูดหลายรอบแล้ว ตอนแรกๆ เราก็ไม่ฟังนะ แต่พอถึงจุดหนึ่งเริ่มรู้สึก หลังปฏิบัติธรรมมาเรื่อยๆ ก็เกิดความรู้สึก พอเพียง แล้วพอกลับมาดูบ้านหลังนี้ บางทีก็รู้สึกมันใหญ่ไปมั้ย คือบ้านหลังใหม่จะสร้างไม่ใหญ่เท่าบ้านหลังนั้นแล้ว หลังที่เห็นนั้นใหญ่เกือบครึ่งไร่ แต่บ้านหลังใหม่จะหาที่ใกล้ๆ บ้านเดิม เอาสัก 60 วาพอแต่อาจทำหลายชั้นหน่อย แล้วอยู่กันไปคนละชั้น เพราะที่ดินแถวบ้านเดิมแพง อยู่แบบพอเพียงมากขึ้น ไม่ต้องเป็นหนี้ สบายใจ บางทีทำงานเหนื่อยมากๆ ก็อยากหยุดพักบ้าง ทำงานในวงการมา 10 กว่าปี อาทิตย์นึง 5-7 วัน เหมือนไม่ได้พักพอวันนี้ขายบ้านไปแล้ว ปลดหนี้ไปแล้วรู้สึกสบายจังเลยจริงอย่างที่แม่พูดจริงด้วย”

◆ กว่าจะขายได้ใช้เวลานานไหม?

โบวี่ – “ไม่นาน 3 เดือน หลังประกาศไป ถือว่า ค่อนข้างเร็ว ขอบคุณคนที่มาซื้อต่อ เขาก็รักบ้าน ชอบสไตล์เดียวกับเรา เขาซื้อเงินสดนะ 42 ล้าน เขาเป็นคนสมถะมากสะพายกระเป๋าย่ามเหมือนเรามีไลฟ์สไตล์ ใกล้เคียงกับเรา ก็รู้สึกแฮปปี้ที่เราได้คนมาดูแลบ้านต่อที่มีความชอบและมีความรักบ้านเหมือนเรา”

◆ วางแพลนทำบ้านใหม่ยังไงต่อ?

โบวี่ – “คิดว่ามูลค่าอาจอยู่ที่ 20 กว่าล้าน ทำเท่าที่มี คงไม่ได้แบบบ้านในฝัน ที่เดิมทำได้เพราะบริเวณเยอะ ต้องลองดู ต้องไปเจอที่ดินก่อน บ้านที่เน้นเลยคือ หนึ่ง ไม่ก่อหนี้ สองทำเลแถวบ้านเก่า สามทุกคนต้องมีความเป็นส่วนตัว เผื่อพี่ชายแต่งงานก็แยกไปเลยคนละชั้น แต่ตอนนี้ยังหาที่ดินไม่ได้เลย”

◆ ขอถามถึงอาการป่วยที่แอดมิตเข้า โรงพยาบาล แล้วต้องขอถอนตัวจากงานละคร?

โบวี่ – “เป็นโรคกระเพาะอาหารเรื้อรัง ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาโบ แอดมิตไป 3 รอบ ปวดรอบแรกแอดมิต ออกมากินยาต่อเนื่องไป 2-3 เดือน จนอาการดีขึ้นก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ สักพักปวดท้องขึ้นมาใหม่อีก เพราะยังไม่หายดี ซึ่งจริงๆ เราต้องระมัดระวังการใช้ชีวิตยาวนานเป็นปีต่อเนื่องพอไม่ระวังก็กลับมาแอดมิตอีกรอบพอออกมาช่วงแรกกินยา ชีวิตก็ดีขึ้น แล้ว กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม กลายเป็นป่วยอีกแอดมิตรอบ 3 หนักกว่ารอบล่าสุด โบเลยรู้สึกว่าไม่ได้แล้ว ต้องจริงจังกับการรักษาพอดีโบกำลังจะปิดกล้องเรื่องสุดท้าย แล้วกำลังจะเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ My queen เลยอยากดูแลรักษาตัวเองให้หายสนิทก่อน เลยโทร.ไปขอโทษขออนุญาตถอนตัว เพราะการทำงานกองถ่าย การทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลา การเล่นละครบางซีนที่ต้องวี้ดมากๆ บางครั้งเล่นเสร็จปวดท้องเพราะกรดมันหลั่งออกมาจากความตึงเครียด เลยอยากเลี่ยงสภาวะนี้ เพราะมันเซ้นสิทีฟมาก กินเปรี้ยวกินเผ็ดนิดนึงก็ไม่ได้ คือมีกรดเยอะ จะปวดท้อง ถามว่าเสียดายมั้ยเสียดายด้วย เกรงใจด้วย เพราะมันใกล้เปิดกล้อง เขาต้องรีบหาคนมาแทน จริงๆ โบไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนที่รับแล้วจู่ๆ ขอยกเลิก นี่เป็นครั้งแรก”

◆ เรื่องความรักตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

โบวี่ – “ก็ดีค่ะ มีคนที่กำลังคบหาอยู่ แต่ ไม่ได้เปิดเผยกับสื่อ คบเงียบๆ (ยิ้ม) แต่ที่บ้านรับรู้ คบกันมาจะ 2 ปีแล้ว ที่ยังไม่พร้อมเปิดเพราะยังไม่เห็นความจำเป็น คือที่คบกันอยู่ก็แฮปปี้ดีอยู่แล้ว”

◆ เคยพูดว่าอยากแต่งงานช่วงอายุ 40 ปี?

โบวี่ – “ใช่ แต่เราไม่อยากมีลูก เพราะด้วยหลายอย่างค่ะ เราต้องการความคล่องตัวในการใช้ชีวิต”

◆ ช่วงนี้หันตัวเข้าสู่ทางธรรมมะ ทำให้การใช้ชีวิต การมีความรัก การทำงานเปลี่ยนไหม?

โบวี่ – “เปลี่ยนไปมาก สำหรับโบ คนรักเป็นเรื่องของการมีคู่ชีวิตที่เกื้อหนุนกัน ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน ช่วยแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่ทางโลก อย่างคนที่โบคบ เขาเกื้อหนุนโบทางธรรมด้วย เวลาไปปฏิบัติธรรม เขาก็ไปปฏิบัติด้วย ซัพพอร์ตโบทุกอย่าง คนรักสำหรับโบเหมือนคู่หู ไม่ใช่แค่ ความรักแบบเสน่หา แต่คือเพื่อนคู่หูที่จะมาช่วยทั้ง ทางโลกและทางธรรม”

“เป้าหมายชีวิตโบเปลี่ยนไป ปฏิบัติธรรมจนเห็นแล้วว่าการเกิดเป็นทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดมาดีขนาดไหน เพียบพร้อม มีเงิน หน้าตาดี ฐานะดีมีคนรักดี สุดท้ายความทุกข์ก็ยังเกิดอยู่ดี อาจเกิดจากการพลัดพราก ไม่จากเป็นก็จากตาย แก่ไปก็ต้องเจ็บป่วย ไม่ว่ายังไงเกิดมามีแต่ทุกข์ เราเห็น ตรงนี้อย่างกระจ่างชัด รู้สึกอยากเดินทางตามพระพุทธเจ้า คือการ ดับทุกข์ปฏิบัติให้ถึงนิพพาน เพื่อไม่ต้องกลับมาเกิดให้มีกิเลสอีก เลยอยากไปตามทางนี้ให้สุดทาง แต่ ณ ปัจจุบัน เราเป็นผู้อยู่ระหว่างเดินทาง ยังไม่บรรลุธรรมขั้นไหน บางทีอยู่คนเดียวใช้ชีวิตลำบาก พอมีคู่มาช่วยเกื้อหนุน มันช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น”

◆ ปฏิบัติธรรมบ่อยแค่ไหน?

โบวี่ – “เกือบทุกวัน ทำที่บ้านอย่างต่ำ 1 ชั่วโมง มีไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมเรื่อยๆ การที่เราเปลี่ยนทัศนคติการใช้ชีวิตมีความพอเพียงมากขึ้น เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนที่เราทำงานจะห่วงความก้าวหน้า ไม่จบสิ้น เรียกว่าความทะยานอยาก มีกิเลสอยากโตต่อไปเรื่อยๆ แล้วไม่เจอความสุข เจอแต่ทุกข์จากการที่พยายามไปเรื่อยๆ ก็งง ความสุขอยู่ที่ไหน พอปฏิบัติธรรมถึงค้นพบว่าจริงๆ นั่งอยู่เฉยๆ ก็มีความสุขได้ มันอยู่ที่ใจ อยู่ที่จิตที่มันเบาบางจากกิเลส ความทะเยอทะยานอยากความน้อยลง ใจก็เป็นสุขขึ้น เลยรู้จักจุดที่มันพอ ความรักก็เหมือนกันมันเปลี่ยนทัศนคติ จากที่อยากมีคนรักแบบนี้ ตอนนี้คนรักเป็นแค่คู่หูของชีวิตที่จะทำให้เราไม่เดินทางเหนื่อยมาก ช่วยเกื้อกันไปทั้งทางโลกและทางธรรม พระอาจารย์ท่านบอกว่า คนรักที่ปฏิบัติธรรมไปด้วยกันความรักเสน่หาจะเปลี่ยนเป็นความรักแบบเมตตา สนับสนุนกัน”

◆ คนนี้จริงจัง คาดหวังมากน้อยแค่ไหน?

โบวี่ – “เราอยู่ในวัยที่ไม่ใช่คบเล่นๆ อายุ 36 แล้ว คนนี้ค่อนข้างลงตัวกับโบมาก ศีลเสมอกัน โบรักษาศีล 5 จริงจัง เขาก็รักษาศีล 5 จริงจัง โบปฏิบัติธรรม เขาก็ไปปฏิบัติธรรมกับโบได้ ในทางโลกจะทำกิจกรรมอะไรเขาก็ซัพพอร์ต ทุกอย่างแฮปปี้ แต่การมีคนรักบางทีก็ต้องมีใจเผื่อไว้ เพราะใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ไม่จากเป็น ก็จากตาย ไม่ว่ากับใครก็ตามที่คิดว่าใช่ แค่ไหน ก็ต้องเผื่อใจไว้เสมอ ต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่าสุดท้าย ต้องมีวันจากลา ก็ทำให้การคบมีความสุขมากขึ้น โดยวันหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง เราก็จะทุกข์กับมันไม่เยอะมาก”

◆ คุยเรื่องอนาคตกันหรือยัง?

โบวี่ – “คุย อย่างเรื่องแต่งงาน เขาอยู่ในวัยแต่งงานอยู่แล้ว แต่โบอยากแต่งตอนอายุ 40 ปี เพราะขี้เกียจจัดงาน รู้สึกวุ่นวาย แต่สุดท้ายก็ต้องจัดให้พ่อแม่ พ่อแม่ก็โอเค ตามใจทุกอย่าง ถ้าโบไม่มีลูก แม่ก็แล้วแต่ ไม่เร่งรัด เมื่อไหร่แต่ง อยากเลี้ยงหลาน ไม่มีสักคำ ดีมาก ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มาก (ยิ้ม)”

สุชาวดี อภิสัมภินวงค์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน