ษา วรรณษา ห่วงลูกเครียดสะสม เรียนออนไลน์ แนะ!ธศ. สอนยังไง ให้เด็กไม่เครียด

ษา วรรณษา ห่วงลูกเครียดสะสม – สงสารลูกจับใจ จากเด็กเรียนเก่ง ผลการเรียนดี เปลี่ยนมุมมอง ไม่อยากเรียนแล้ว สำหรับลูกชาย “น้องเซย์เดย์” ของ ษา วรรณษา ได้จับเข่าคุยกับคุณแม่เรียนของการเรียนออนไลน์ในช่วงโควิด19 จนพบว่าลูกอยู่ในภาวะเครียด

ล่าสุด ษา วรรณษา ได้ให้สัมภาษณ์กับข่าวสดออนไลน์ เผยถึง บรรยากาศการเรียนออนไลน์ที่บ้าน รวมถึงสิ่งที่เป็นปัญหา ทำให้เด็กเครียดกับการเรียนออนไลน์ในช่วงโควิด19

เล่าเหตุการณ์ช่วงนั่งคุยกับลูกชายถึงเรื่องการเรียนออนไลน์หน่อย? เราเห็นอากัปกิริยาเขา มีน้ำตาคลอๆ สีหน้าไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ กำไม้กำมือ แบบว่าทำไมตอบไม่ได้ ทำไมทำไม่ได้ เราก็เลยตัดสินใจถามเพราะว่าเห็นแบบนี้มา 2-3 วันแล้ว แล้วเวลาพูดเรื่องการบ้านก็เหมือนจะโมโห เหมือนว่าถามทำไม ไม่อยากให้ถาม เราก็เลยนั่งถามลูกคุยกับประมาณ 20-30 นาที

เขาก็พูดเหมือนว่าเวลาส่วนตัวเขาหายไป เหมือน เขาก็รู้สึกเครียด อยากจะมีเวลารีแลกซ์ ทำไมการบ้านเยอะ มันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำการบ้านนะ เขาอยากทำการบ้าน แต่ปริมาณการทำการบ้านมันมากเกินไป มากจนเขาปลีกตัวมาทำสิ่งที่ชอบไม่ได้เลย คนอื่นมองอาจจะเห็นว่ามันไม่น่าจะซีเรียสตรงไหน แต่อย่าลืมว่าลูกษา ไม่ได้อีคิวปกติแบบเด็กทั่วไป เขาเป็นเด็กมุ่งมั่นตั้งใจ แล้วถ้าเกิดเขาซีเรียส เขาจะซีเรียสมากกว่าเด็กคนอื่น 10 เท่า

พอขึ้นม.4 ด้วยความที่ขั้นลำดับมันยากขึ้น ในเรื่องของวิชาไม่ว่าจะเป็นฟิสิกส์เคมีก็เรียนหนักขึ้น ถ้าเป็นเด็กม.ปลายก็จะรู้ดีอยู่แล้วว่ามันมีการปรับเปลี่ยน และต้องมีการปรับตัว แต่การปรับตัวของเซย์เดย์มันไม่ได้ปรับตัวที่โรงเรียน มันดันปรับตัวหน้าคอมพิวเตอร์ ในความคิดเห็นของษาคิดว่าการที่เราไปโรงเรียนเราไปเจอเพื่อน มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน และคุณครูอาการของเขาก็จะดีขึ้น

แต่ตอนนี้เราเข้าใจว่าสถานการณ์โควิด มันไปไม่ได้ เราก็เลยพยายามปรับตัวที่บ้าน แต่ทีนี้ที่บ้านก็มีแค่ยาย ษา และลูก ซึ่งมันไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลย แล้วเซย์เดย์จะเป็นเด็กที่แบ่งเวลา ถ้าเกิดว่าเขาไปโรงเรียนสิ่งไหนที่ทำให้เสร็จได้ที่โรงเรียน เขาจะทำให้เสร็จหมดเลย แล้วเวลากลับบ้านนั่นคือเวลาของเขามันก็เลยค่อนข้างหนักนิดนึง พอคุณยายหรือคุณแม่ถามเรื่องการบ้านเขาก็จะโมโห”








Advertisement

ลูกเครียดขึ้นขั้นบ่นบอกว่าเบื่อ ไม่อยากเรียนจริงหรอ? “จริงๆมันก็เหมือนเราในสมัยก่อน เราไม่อยากเรียน เราก็โดดเรียน เราก็นอนหลับ ปวดท้องเข้าห้องพยาบาล แต่ว่าเด็กสมัยนี้การโดดเรียนมันเอาต์ไปแล้ว เด็กเขาพยายามที่จะแข่งขันให้มันได้ดีที่สุด พอเขารู้สึกว่าเขาเครียดแล้วมันสะสมมาเรื่อยๆ

ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันสะสมขึ้นมาตอนไหนแล้วพอมันมาถึงจุดหนึ่งความอดทนหมด ก็ได้แค่ นับ 123 ระเบิดแล้ว แต่อันนี้เขาคงเก็บมานานมากแล้ว เพราะเขาเรียนออนไลน์มาได้ประมาณปีกว่าๆแล้ว และเพิ่งจะมาระเบิดเมื่อไม่นานมานี้ ก็เลยคิดว่าลูกน่าจะค่อนข้างอดทน

ตอนนี้ลูกยังเครียดอยู่ไหม ประสิทธิภาพมันดีหรือเปล่า? “ตั้งแต่วันนั้นที่คุยกัน เราก็ดูวันต่อวันเลย ซึ่งเราก็บอกไม่ได้ว่าน้องรู้สึกดีขึ้นไหม เพราะว่าเซย์เดย์ค่อนข้างเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งมาก แล้วเขาก็จะไม่มาพูดพร่ำเพรื่อว่าเขาไม่ไหวจริงๆ แต่ตอนนี้ก็ถามเขาในประโยคที่อยู่ข้างเขา ไม่ได้อวยเขานะ ไม่ได้ตามใจด้วย

ราก็ใช้คำพูดว่าการบ้านโอเคหรือเปล่า วันนี้มีการบ้านเยอะมั้ย เข้าใจมั้ยถ้าไม่เข้าใจบอกนะ ไม่ใช่พูดว่าการบ้านเสร็จหรือยัง ทำการบ้านหรือยัง เมื่อไหร่จะทำการบ้านประโยคพวกนี้ก็ไม่ค่อยจะออกมาเท่าไหร่ เพราะว่าเรารู้สถานะของเขาแล้ว คราวนี้จะบอกว่าในเรื่องของการเรียนออนไลน์ เราบอกว่าไม่ดีไม่ได้หรอก เพราะว่ามันต้องเรียนกันทุกคนตอนนี้”

คุณแม่มีการคุยปรึกษากับครูประจำชั้น หรือในไลน์ผู้ปกครองเรื่องนี้ยังไงบ้าง? “หากถามถึงในเรื่องเรียนก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ถ้าหากว่าการบ้านมันมีปริมาณลดลงนิดนึง เพื่อช่วยให้เด็กมีเวลาส่วนตัวของเขา ทำในสิ่งที่เขาชอบบางคนอาจจะชอบอ่านการ์ตูน ดูยูทูบ เล่นเกมก็ต้องปล่อยเขาบ้าง แล้วบางคนก็ชอบเล่นกีฬาเขาก็ต้องออกไปข้างนอกเพื่อให้ร่างกายมันกระปรี้กระเปร่า

ทีนี้เขามานั่งอยู่หน้าคอมเก้าอี้ตัวเดิมๆมันก็คล้ายๆกับพวกออฟฟิศซินโดรม มันก็จะปวดเมื่อยร่างกาย น่างกายก็จะไม่แข็งแรง คือมันเป็นรากแก้วดึงไปได้อีกหลายๆอย่างเลย แต่ทีนี้เราย้อนกลับมาคิดว่า ถ้าเกิดว่าเราทำให้เด็กไม่เครียด ในเรื่องนี้ษาก็เคยคุยกับคุณครูที่ปรึกษาของเซย์เดย์แล้ว คุณครูก็มีการแก้ไขในบางจุดให้ได้บ้าง ซึ่งเราก็เข้าใจครูแหละ เขาก็ต้องทำให้ดีที่สุดที่ผู้ปกครองโหวตมา

ซึ่งเราก็เข้าใจตรงนี้ แต่แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นช่วยผ่อนปรนเด็กหน่อยได้มั้ย แล้วพอเปิดเทอม ถ้าไปเรียนได้จะอัดเท่าไหร่ก็อัดเลยเต็มที่ เพราะนั่นคือโรงเรียนอันนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ”

เห็นที่โพสต์ไปว่าแม่ไม่ไหวแล้ว ยังคงมีความกังวลไหมว่าลูกจะเครียดจะซึมเศร้าไหม?
กังวลอยู่ทุกเวลาค่ะทุกช่วงจังหวะ คือต้องนั่งอยู่ข้างลูกแต่ก็จะไม่ไปนั่งจ้ำจี้จ้ำไชนะ แต่ก็จะคอยมองว่าเป็นอะไรไหมบางทีเขาหันมาสบตาเราก็เหมือนจะทำหน้าดุหน่อย เหมือนว่าเรียนอยู่ เราก็หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลาว่าเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่นั่งดูกันตลอด”

อยากจะแนะอะไรกับการเรียนออนไลน์กับการศึกษาไทย?
“จะแนะอะไรพี่คงไม่มีพาวเวอร์ขนาดนั้น แต่แค่จะบอกว่า ถ้าเกิดเด็กเขาเครียดน้อยลง มันจะดีมากเลย และมันก็จะทำให้ทุกอย่างมันโอเคหมด ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เด็ก อารมณ์ผู้ปกครอง และผลการเรียนของเด็กก็จะดีขึ้นด้วย ษาคิดว่าอย่างนั้นนะ เพราะว่าตอนนี้พอเด็กเครียด ผู้ใหญ่ก็เครียดไปด้วย คราวนี้ก็ทะเลาะกันเลย

ยิ่งเด็กโตเขาเป็นวัยรุ่น เขาก็จะมีความเฟี้ยวฟ้าวตามฮอร์โมนวัยรุ่น คราวนี้ถ้าเกิดว่าเราไปบีบบังคับเขา ซึ่งเขามีความกดดันในการเรียนอยู่แล้ว เราดันไปบีบบังคับเขาอีก ษาว่ามันไม่น่าจะโอเคในเรื่องของจิตวิทยา ก็เลยอยากจะฝากว่าถ้าเกิดเป็นไปได้หัวข้อประเด็นนี้ฝากไว้เลยค่ะ ทำยังไงให้เด็กเรียนออนไลน์แล้วไม่เครียด ฝากดอกจันไปนิดนึงว่าการบ้านน้อยก็จะดี

ส่วนในเรื่องการวิเคราะห์ แยกแยะเด็กของเราก็โอเคอยู่แล้ว แต่เหมือนบ้านคนอื่นๆเขาก็มีปัญหาเหมือนกันนะ เราก็ต้องไปซาวด์เสียงกันค่ะว่าอันดับที่หนึ่ง คือเรื่องการบ้านที่มันมีปริมาณมากเกินไป ทำให้เด็กเครียด อันที่ 2-3-4-5 ปัญหามันคืออะไร เพราะแต่ละบ้านมันก็จะมีไม่เหมือนกันนะแบบนี้

คือถ้าเราปรับตรงนี้ได้ก็จะดีคือถ้าเราปรับตรงนี้ลงมาได้ เพื่อที่จะให้เด็กเรียนแล้วไม่รู้สึกว่าฉันไม่ชอบเรียน ฉันไม่อยากเรียน ปริญญาไม่มีค่าแล้ว คือมันไม่ได้นะ เพราะว่าเด็กรู้หมดว่าตอนนี้ไปเรียนไม่ได้ ถ้าไปแล้วติดโควิดก็อาจจะสุขภาพแย่ หรืออาจจะไม่ได้อยู่กับแม่เลยเขาทราบอยู่แล้วตรงนี้

คุณแม่คิดว่าการเรียนออนไลน์ มันเป็นการพักภาระมาให้ผู้ปกครองที่บ้านไหม?
“อย่างนี้ดีกว่า ถ้าเป็นกลุ่มที่สบายที่สุด นั่นหมายความว่าทำงานก็ได้ ไม่ทำก็ได้ มีเวลาอยู่กับลูก มีเวลาสอนลูก ศักยภาพการดูแลของพ่อแม่ดีเลิศ เป็นครูบาอาจารย์สบายมาก ฉันเป็นได้แล้วลูกก็ให้การตอบรับที่ดี อันนี้จบกลุ่มแรก

กลุ่มที่สอง อาจจะเป็นษา เพราะสาจะต้องทำงานไปด้วย ทำงานในคอม มือถือออนไลน์แล้วก็ต้องคิดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งษาก็เป็นแม่ที่เรียนสายพาณิชย์ไม่ได้เรียนสายสามัญก็จะสอนลูกลำบากพอสมควร แล้วลูกก็เป็นเด็กพิเศษ เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันต้องคูณ 10 คูณ 20 ไปหมดก็ค่อนข้างลำบากสำหรับษานะ สิ่งที่อยากได้คือถ้าเด็กไม่เครียดจะดีมาก

ส่วนกลุ่มที่สามคือกลุ่มที่มีปัญหาจริงจังคือมีลูกเยอะหลายคน แล้วลูกแต่ละคนต้องเรียนออนไลน์ แต่มีโทรศัพท์เครื่องเดียว มีคอมเครื่องเดียว นี่มันเป็นปัญหาที่ษาบอกว่ามันออกเป็นรากแก้วได้อีกนะ สมมติมีลูกห้าคน อยู่คนละลำดับชั้น แล้วมีคอมเครื่องเดียวอยู่ในบ้าน เพราะเราไม่ได้มีบอกว่าจะต้องมีเรียนออนไลน์ในอนาคตเราก็ไม่ได้ซื้อคอมมาห้าเครื่อง

พอมันมาเป็นช่วงแบบนี้ห้าคน คอมเครื่องเดียว หรือมือถือแค่เครื่องเดียวจะทำยังไงถูกไหมคะ มันจัดการเรียนได้ด้วยหรอ เห็นเรียนกันทั้งวัน มันก็สับเปลี่ยนกันไม่ได้ ก็เลยต้องไปให้พ่อแม่กู้หนี้ยืมสินเพื่อที่จะซื้อโทรศัพท์ให้กับลูกๆให้ครบห้าคน แล้วไหนจะต้องค่าอินเตอร์เน็ตอีกห้าเครื่อง มันหนักมากนะหรือว่าจะซื้อคอมห้าเครื่อง ก็เป็นไปไม่ได้

เนี่ยทุกคนคิดตรงนี้กันหรือเปล่า ทุกคนคิดแค่ว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ซึ่งมันไม่ผ่านไปสำหรับบางบ้านนะมันจะตายอยู่กันตรงนั้นหมดค่ะ พ่อแม่ก็เลยใช้วิธีการที่ว่าดรอปเรียน หยุดเรียนไปก่อนเลย ค่าเทอมค่าไม่ต้องจ่ายแล้ว แต่มันก็อาจจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีสำหรับบางบ้าน แต่สำหรับษาการที่จะให้ลูกดรอปเรียนคือสิ่งสุดท้ายที่ษาจะทำ

ผู้ใหญ่ต้องเล็งตรงนี้นิดนึงนะคะ เพราะในเรื่องการศึกษามันค่อนข้างที่จะเซนซิทีฟแล้วถ้าเกิดว่าซัพพอร์ตได้ดี เด็กที่จะ เป็นผู้ใหญ่ในอนาคตเขาก็จะมีศักยภาพที่ดี มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี แต่ถ้าเกิดว่าตอนนี้เราแก้ปัญหาไม่ได้ แน่นอนมีปัญหาแน่ๆในอนาคต เราจะได้เด็กที่ไม่มีคุณภาพจริงๆค่ะ”

ตอนนี้น้องเรียนกี่วิชาต่อวัน?
ประมาณ 7-8 วิชาก็เป็นวิชาหลักๆทั้งนั้น เรียนตั้งแต่ 8.30 น.ถึงประมาณ 16.30 น. ค่ะ ประมาณนี้ แต่ก็นั่งตรงนั้นอยู่ตลอดเวลาเพราะบางทีครูคอลมามันก็ดูไม่ดี แล้วก็ไม่ได้ลุกไปไหนเลย เพราะว่าครูสอนไปเซย์เดย์ก็แคปหน้าจอไปถ้าแคปไม่ทันก็งง คือมันต้องแคปตามขั้นตอน 1234 เพราะว่าครูสอนผ่านไปแล้ว คือผู้ใหญ่จะออกมาตรการอะไรมาซักอย่าง ช่วยย้อนกลับไปอยู่ท่านอยู่ ตอน ม.-4-ม.6 ตอนมหาวิทยาลัยให้หน่อย ว่าถ้าเป็นแบบนี้คุณจะมีความสุขในการเรียนหรือเปล่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน