เผยเหตุให้ระเบิด นก จริยา ยอมรับสติหลุด โพสต์ตัดพ้อจอดำ เคลียร์ปมคนโยงสามี จอนนี่ เตรียมโกนหัวบวชทั้งคู่

จากกรณีที่ผู้จัดละครดัง นก จริยา โพสต์ขึ้นภาพจอดำ พร้อมแคปชั่นว่า “กลับมารักตัวเอง” โดยมีคนบันเทิงต่างเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจจำนวนมาก

อ่านข่าว – ส่งกำลังใจท่วมท้น นก จริยา โพสต์ภาพจอดำ ลั่นพอแล้ว กลับมารักตัวเอง เผยเหตุ

ซึ่งก็มีหลายคนตีความไปมากมาย โยงว่าอาจจะเป็นปัญหาครอบครัว หรือเกี่ยวกับสามี จอนนี่ แอนโฟเน่ หรือไม่? แต่ภายหลังคนใกล้ชิดได้เผยให้ฟังเบื้องต้นว่าผู้จัดคนดังเครียดเรื่องงาน

ล่าสุด นก จริยา ให้สัมภาษณ์ถึงละครที่ ลมเล่นไฟ ที่เจ้าตัวเป็นคนจัด พร้อมเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว
“ตอนแรกตั้งใจจะโปรโมตละคร แต่วันนั้นพอดีมีเรื่องกระทบกระทั่งกับทีมงาน ก็ขอให้เป็นความผิดของเราเองแล้วกัน วันนั้นเราเป็นผีบ้าในมุมของเรานะ เราก็เลยปะทุออกไป ก็ยอมรับว่ามีช่วงที่เบาปัญญา (หัวเราะ)”

อารมณ์ขึ้นลงบ่อยมั้ย?
“ปกติไม่ค่อยหลุด ต้องบอกว่าไม่ได้เกี่ยวกับมุมครอบครัวนะคะ แต่มันเป็นความหวั่นไหวที่เราห่วงไอ้นั่นไอ้นี่ ห่วงคน ห่วงลูกน้อง แล้วพอมีตรรกะของคนที่พูดไม่คิดและทำให้จี้จุดอะไรบางอย่างของเรา

เราก็เลยระเบิด ในช่วงที่ทำงานเยอะๆ ก่อนหน้านี้นกเป็นแพนิก ก็รักษาอยู่ มันก็มีช่วงที่ดีขึ้นแล้วก็ดาวน์ลง ซึ่งพอมีช่วงที่เราห่วงคนเยอะๆ หลายๆ คน เรื่องงานด้วย เราก็เลยไม่ได้ประคับประคองมันได้ดี”

ก่อนหน้านี้เคยมีอารมณ์แบบนี้มั้ย?
“น้อยนะ เอาจริงๆ นกเป็นคนที่ใจเย็นมาก แต่ถ้าย้อนกลับไปช่วงเด็กๆ ตอนนั้นยอมรับว่าเป็นผีบ้า แต่หลังจากที่มีลูกแล้วผีก็ออก (ยิ้ม) มีสติดีขึ้น พยายามที่จะใจเย็น แต่สงสัยพอใกล้จะบวชชีก็เลยมีมารนิดหนึ่ง (ยิ้ม)”

วันนั้นรู้ตัวมั้ยว่าอารมณ์ไม่ปกติ?
“แต่วันนั้นที่ได้ปะทุอะไรออกไป รู้สึกว่าเราได้ปล่อยอะไรออกไปบ้าง ก็โล่งนะ แต่มันก็ไม่ดีงาม และเบาปัญญาไปหน่อย ก็ยอมรับว่าไม่ดี ก็ให้เรียนรู้ค่ะ”

คนตีความว่าเป็นเรื่องครอบครัว?
“พี่จอนนี่ถามเลย เพราะเขาไม่ได้เล่นโซเชียล แล้วก็มารู้หลังจากนั้นอีก 1-2 วัน เขาก็มาถามว่าเธอลงอะไร ทำไมคนมันพุ่งมาที่ฉัน (หัวเราะ) เขาก็ถามว่าเธอเป็นอะไร ฉันไปทำอะไร

เราก็เลยบอกว่าซอรี่ มันมีเรื่องอารมณ์เสียนิดหนึ่ง และพอลงไปแล้วเราก็รู้สึกอยากขอโทษคนที่ได้เห็นข้อความนี้ ก็เลยลงขอโทษไปว่าเราเบาปัญญาไปบ้างนะ ก็ลงเพื่อให้เรียนรู้ตัวเราเองด้วยว่าให้มีสติมากขึ้น”

คนก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น?
“เหมือนเป็นคนที่เก็บเยอะ ประคับประคองเยอะและดูแลคนเยอะ มันแบกเยอะก็เป็นคนขี้ห่วง ขี้กังวล ตอนหลังก็รู้ว่าออกไปแล้วเดี๋ยวคนก็จะตีความกันไป แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราจะอธิบาย

เพราะนกเป็นคนยอมรับว่าทำอะไร เกิดอะไรขึ้น ยอมรับเองและจะตอบเอง นกไม่ชอบพูดแบบเฉไปมุมนั้นมุนนี้ นกว่าการพูดความจริงไปมันก็สามารถแก้ปัญหาได้”

ปัญหานั้นได้คลี่คลายหรือยัง?
“พอพูดไปแล้วเรารู้สึกเหมือนได้ฮีลตัวเอง แต่ทำอย่างนี้บ่อยๆ ไม่ดี ไม่ควรทำอีกแล้ว (หัวเราะ) คือในมุมมนุษย์เราก็มีพุ่งไปบ้าง คิดว่ามันก็ไม่ได้ไปทำร้ายใคร แต่อาจจะทำให้คนเป็นห่วง และปกตินกก็ไม่ใช่คนที่จะมาโพสต์อะไรแบบนี้ด้วย”

คนโทรมาถามเยอะมั้ย?
“เยอะค่ะ แต่วันนั้นเรายังไม่สามารถอยู่ในอารมณ์ที่จะอธิบายได้ ก็ตีกับตัวเองเยอะ”

การที่ทำแบบนี้ออกไปมันก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่ทำได้ แต่เรากลับโทษตัวเอง?
“นี่แหละ เราชอบโทษตัวเองในหลายๆ อย่าง ก็ไม่เป็นไร ก็ให้รู้ตัวและอย่าไปทำอีก”

ถ้าเป็นเรื่องครอบครัวจริงๆ เราจะแสดงออกยังไง?
“ถ้าสมมติว่ามันใช่และเป็นเรื่องจริงเราจะเป็นคนที่ไม่บิดเรื่อง จะยอมรับ แต่จะให้กระทบคนอื่นน้อยที่สุด เพราะจริงๆ ถ้ามันเป็นเรื่องครอบครัว เราก็ต้องนึกถึงลูก นึกถึงคนในครอบครัวด้วยใช่มั้ยคะ

แต่เราเป็นคนสาธารณะ บางครั้งถ้าถูกโฟกัสกับบางเรื่องหรือมีอะไร การตอบที่ให้คนเคลียร์ได้มันจะเป็นมุมที่ดีกว่าในการที่ไม่เคลียร์ อย่างเช่นสิ่งที่โพสต์ไปวันนั้นเราก็รู้สึกว่าเราเป็นผีบ้า ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องมันก็ไม่ได้ใหญ่โต เรื่องมันนิดเดียว

เราก็ต้องเรียนรู้ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็คิดว่าเราก็เป็นมนุษย์วะ มันก็ได้ฮีลตัวเองว่าโพล่งออกไปบ้าง แต่มันต้องไม่ให้ใครบาดเจ็บหรือเดือดร้อน ก็เลยออกมาขอโทษว่าดิฉันเบาปัญญาไปนิดหนึ่ง (ยิ้ม)”

ทำไมตั้งใจจะไปบวช?
“คือนกคิดมาหลายปีแล้วค่ะ เวลาเห็นใครบวชหรือไปปฏิบัติธรรม มันจะมีความรู้สึกข้างในว่าดีจังตลอดเวลา (ยิ้ม) เพราะมุมนี้เป็นมุมที่ไปสงบ ไปศึกษาตัวเอง

คิดว่ายังไงก็เป็นมุมที่ดีงามกับชีวิตกับจิตใจตัวเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการไปบวชด้วยภาวะใดๆ นกว่ามันก็น่าจะได้บวกกับจิตใจกับสติกับปัญญาตัวเอง”

จะโกนหัวเลยมั้ย?
“โกนหัวค่ะ นกรู้ตัวเองว่าถ้าแค่ปฏิบัติธรรมไม่ค่อยพอ เพราะต้องมีอะไรมาขนาบให้แข็งแรงเข้าไว้ ยอมรับเลยว่ามีสิ่งนี้ให้ยึดเอาไว้เพื่อเราจะได้รู้ว่าเราอยู่ในสถานะไหน เพราะแค่ถือศีลรู้สึกไม่พอ

แค่สวดมนต์ไม่พอสำหรับเรานะ ก็สวดอยู่ทุกวันนะคะ ก็รู้สึกว่าดีนะ พุทโธๆ แต่เหมือนชีวิตหนึ่งเราก็อยากทำไปให้เต็มที่ที่สุดกำลังที่เราจะทำได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง”

จะไปบวชที่ไหน?
“จะบวชที่เสถียรธรรมสถานค่ะ เพราะว่าเป็นที่ของแม่ชีกับผู้หญิงที่ปฏิบัติอยู่แล้ว และไปปฏิบัติที่เพชรบุรี ที่เป็นสาขาของเสถียรธรรมสถานอีก 15 วันค่ะ”

การบวชครั้งนี้มีความตั้งใจยังไง เพราะคนจะมองว่าถ้าไม่ปลงกับชีวิตก็จะเป็นเรื่องความรัก?
“อันนี้มันเป็นกรรมของผู้หญิงหรือเปล่านะ พอเวลาที่ผู้หญิงจะบวชก็จะเป็นแต่เรื่องอกหักรักคุด (หัวเราะ) ปลงชีวิตหรืออยู่ในสถานะไหนมั้ย จริงๆ ถ้ามันอยู่ในโหมดนั้นแล้วคิดว่าจะมาทำแบบนี้ ก็ถือว่าไปประคับประคองสติใช่มั้ยคะ

แต่บางครั้งเราก็มีมุมว่าเราอยากเรียนรู้ วันที่แม่ชีสัมภาษณ์ตั้งใจแบบไหนเหรอคะ หรือว่ามีความคิดแบบไหนที่มา นกก็รู้จากหัวใจเลยว่าอยากเข้าไปเรียนรู้และจัดเรียงจิต สมาธิ ปัญญาของตัวเอง โดยมีทางพึ่งเป็นคำสอนกับหลักปฏิบัติของวิถีพุทธค่ะ

นกว่ามันสุขดีออกนะ ไม่รู้สิ เราทำงานเกี่ยวกับเรื่องโลกเยอะมากเลย เราอยู่ในสื่อ เราอยู่ในข่าวใดๆ มันเยอะ เราก็อยากไปรีเซ็ตใจตัวเอง จัดเรียงให้แข็งแรงหรือว่าให้ดีขึ้นหรือว่าให้เรียนรู้ มันก็เป็นมุมบวกนะ”

สามีกับลูกๆ ว่ายังไงบ้าง?
“ก็ยินดีค่ะ ลูกอนุญาต สามีอนุญาต พอนกบวชสึกปั๊บ พี่จอนนี่จะบวชต่อ ไม่รู้หนีกันหรือเปล่าเนี่ย (หัวเราะ) บวชต่อกันเลย สงสัยจะบวชหนีกันสองคนผัวเมีย (หัวเราะ)

คือพี่จอนนี่ก็จะมีวาระบวชในช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้ค่ะ ส่วนนกจะบวชวันที่ 6 เม.ย.นี้ 15 วัน ก็ออกมาในช่วงปลายเม.ย.พอดี พี่จอนนี่เขาก็มีวาระของเขาที่บวชพอดี”

ใครบอกใครก่อนว่าจะบวช?
“นกบอกก่อน นกชนะ (หัวเราะ) แต่ที่พี่จอนนี่เขาจะบวชเพราะเขาเคยบวชที่อินเดียเมื่อหลายปีก่อน โดยความตั้งใจที่ครูบาอาจารย์ของแกบอกว่าไปบวชเพื่อเรียนรู้และปฏิบัติ

และวัดไทยที่อินเดียก็อยากให้ไป คือพระท่านอยากให้เผยแพร่ อยากให้เป็นสืบทอดอะไรใดๆ อันนี้คือของพระ เราก็ไม่รู้ว่าใช้ถูกหรือเปล่า แต่ก็จะเป็นมุมนั้นแหละค่ะ”

รอบนี้บวชที่ไหน?
“รอบนี้ไปศรีลังกาค่ะ ก็น่าจะบวช 10 กว่าวันมั้งคะ แต่บางทีเขาก็อยู่ต่อ”

การบวชของเราทั้งคู่ เพราะสิ่งแวดล้อมที่เข้ามา ทำให้เราอยากไปชะล้างจิตใจหรือเปล่า?
“ใช่ๆ ชะล้าง รีเซ็ต เรียนรู้ และนกก็คิดว่ามันก็เป็นมุมดีๆ กับชีวิต เพราะว่าเราก็ไม่ได้ไปเล่นพนันออนไลน์หรือไปงมงายกับเรื่องใดๆ เพราะนกว่าทุกวันนี้มันหนักทุกเรื่อง ไม่เห็นมีเรื่องไหนเบาเลย ก็เลยมีความรู้สึกว่าเรามีหลักไว้ก็ดีนะ เป็นเรื่องบวก”

คิดว่าการบวชครั้งนี้จะทำให้โรคแพนิกของเราดีขึ้นมั้ย?
“โรคนี้มันคือโรคข้างใน มันก็เป็นการเยียวยานะคะ อย่างที่บอกว่าตอนนี้มันหนักทุกอย่าง ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจโลก สังคมใดๆ ถ้าเราทำให้ตัวเราเองแข็งแรงไว้บ้าง มันก็ทำให้ฐานใจเราดี”

แต่เราเป็นคนขี้ห่วง จะปล่อยได้ใช่มั้ย?
“ลูกก็บอกว่า ไปบวชก็ต้องละนะ อย่าห่วงนั่นนี่นะ (หัวเราะ) นี่แหละก็ต้องไปเรียนรู้ นี่หมา หมู แมวที่บ้านก็ห่วงหมดแหละ”

เอาจริงๆ ตัดได้มั้ย?
“ก็ต้องฝากไว้ คือถึงเราไปบวชมันก็ไม่ได้บรรลุอะไรหรอก แค่ให้ไปเรียนรู้ตัวเอง อยู่กับใจตัวเอง แต่เราก็ยังเป็นคนนี่แหละ เดี๋ยวก็จะเขียนโพสต์อิทแปะเอาไว้ว่าอันนี้ทำอย่างนี้ อันนั้นอย่างนี้ (หัวเราะ) เพราะทุกครั้งเวลาที่จะไปไหนจะโพสต์อิทแปะไว้เลย ก็เป็นมนุษย์แม่แหละเนอะ”

คิดว่าการบวชครั้งนี้จะทำให้เราเปลี่ยนไปยังไงบ้าง?
“ไม่รู้เหมือนกันว่าเราไปบวชแล้วมันจะเปลี่ยนอะไรได้เป็นมุมไหน แต่แค่เราไปตั้งใจที่จะไปอยู่กับตัวเองบ้าง และหัดพิจารณามัน รู้จักตัวเอง มันก็คงจะดีกับตัวเราเองมั้ง ไม่ได้คาดหวังอะไรเยอะเลย แต่เป็นความตั้งใจ”

แต่จะกลับมาเป็นผู้จัดเหมือนเดิม ไม่ใช่บวชไม่สึกใช่มั้ย?
“ไม่ๆ อย่าเพิ่งให้พรสิ ยิ่งหวาดเสียวอยู่ (หัวเราะ) บอกแล้วว่าจะสุดทั้งทางโลกและทางธรรม (หัวเราะ)”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน