แน็ก ชาลี ตอบชัดๆ! เป็นแฟนกันแล้ว หลังเคลียร์ใจ กามิน ไม่ยกให้เป็นนัมเบอร์วันเพราะเธอคือคนเดียว

เลื่อนสถานะเป็นคู่จริงแล้ว สำหรับ แน็ก ชาลี กับ กามิน ติ๊กต็อกเกอร์ชาวเกาหลีใต้ ที่ก่อนหน้านี้แม้จะมีดราม่าเกิดขึ้นหลังจากที่ฝ่ายหญิงเดินทางกลับไปเทศไปได้ไม่กี่วัน แต่หลังจากนั้นก็เคลียร์กันได้ระดับหนึ่ง จนกระทั่งฝ่ายผู้หญิงเดินทางมาที่เมืองไทยอีกครั้ง และได้เคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นเรียบร้อย เข้าสู่บรรยากาศแฮปปี้อีกครั้ง

ล่าสุดวันที่ 10 พ.ค.67 แน็ก ชาลี มาร่วมงาน “THE MALL LIFESTORE JUNGLE WALK ท่องโลกมหัศจรรย์ ชีวิตสัตว์แปลกแดนโบราณ” ที่ MCC HALL ชั้น 3 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค จากนั้นได้เปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังจากที่ กามิน เดินทางกลับมาเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง

“กามิน” กลับมาแล้ว รอบนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
“ดีครับ กลับมารอบนี้ จริงๆ ความตั้งใจของผม คือไม่ได้ให้ทำงาน 2 อาทิตย์ ถ้าอยากมาเรียนรู้ก็คือกลับมาคุยกันจริงจัง 2 อาทิตย์ แต่ตัวผมมีงานพร้อมอยู่แล้ว เราก็รู้สึกว่ามันไม่น่าใช่เรื่องเลย ที่มันจะมาวัดกันแบบนี้ ผมรู้สึกว่ามันเสียเวลา กับคนหนึ่งที่เขาอยากมา แล้วพอมาถึงปุ๊บก็ให้นั่งๆ รอๆ ให้ไปเที่ยวก็ดันเป็นคนเหมือนกันอีก ไม่เที่ยว ไม่ชอบการเดินห้าง คือตัวผมชอบเดินถ้ามีแพลน แต่เขาคือถ้าไม่ได้ทราบร้านก่อน เขาจะไม่ไปเลย เป็นสายเดียวกันเลย ชอบที่สุดของเขาคือออกไปซื้อกาแฟ แค่นั้นแหละ”

จะไปไหนก็เลยต้องวางแผนไว้ก่อนใช่ไหม?
“ครับ พอได้เรียนรู้ สิ่งหนึ่งที่คล้ายๆ กัน คือผมไม่เที่ยวอยู่แล้ว เขาก็เหมือนว่าน่าจะเลยจุดที่เที่ยวมาแล้ว แล้วอายุเขาก็เท่าผมแล้วด้วย มารอบนี้ตอนแรกก็ตั้งใจไว้ว่าต่ำๆ 2 อาทิตย์ ที่ผมไม่ทำงานกัน แต่พอมาถึงเขาก็มีความน่ารัก ตรงที่มานั่งเล่นมาอะไร พอเห็นเขามานั่งรอที่สตู อย่างวันนั้นอยู่ดีๆ ก็นั่งแท็กซี่มาเล่นที่สตู แล้วผมเป็นคนเกรงใจ ผมไม่ชอบให้ใครเข้ามา ในเมื่องานนั้นลูกค้าเขาไม่ได้จ้าง บางทีภาพมันติดไปเยอะ เราก็ต้องบล็อกหน่อย มันกันงานดีๆ ของเขาที่จะเข้ามา แต่ปัญหาเลยพออยู่ เราก็ไม่รู้จะให้อยู่เฉยๆ ทำไม มันน่าเบื่อ แล้วเราก็ทำงานทั้งวันด้วย ก็บอกเลยคุณปู (ผู้จัดการ) ว่าลงงานไปเลย ทำงานคู่กันไปเลยดีกว่า”

จะมีออกงานคู่กันอีกเยอะไหม?
“อีเวนต์ทั่วไปอาจจะยังไม่เยอะมาก ที่เน้นรับเลยคือเราเริ่มจากออนไลน์มา เราก็จะพยายามเอาทางออนไลน์ให้มันได้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งตัวเขาและตัวผม”

กลับมารอบนี้มีโอกาสได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันมากขึ้นไหม?
“จริงๆ ผมพูดคุยกันเป็นประจำอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนกลับครั้งที่แล้ว แต่ว่าบางทีมันก็มีเรื่องอะไรที่แบบ…คือผมเป็นคนที่ชอบชัวร์ก่อนออกมาสัมภาษณ์ อย่างน้อยเราจะได้รู้ว่าเราจะตอบยังไง เพราะเราก็เคยเกิดปัญหามาแล้ว ที่เราอยู่ดีๆ คุยบ้าง ไม่คุยบ้าง แล้วผมไม่ตอบ พอผมไม่ตอบปุ๊บ ภาพที่ตอบมาคือเป็นมโนไปเองทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นซ้ำๆ ผมเลยรู้สึกว่าอยากคุยก่อน เหมือนที่ทุกคนบอกว่าทำไมคุณไม่คุยกันข้างหลังก่อน ก็ผมคุยข้างหลังไม่ได้ (ยิ้ม) มันไม่ได้มีการสนทนากัน เราก็พยายามสุดแล้ว มันเลยออกมาเป็นภาพที่ทุกคนเห็นและอาจไม่พอใจ

แต่ผมเป็นคนชอบความจริงใจ ตรงไปตรงมา ผมไม่อยากออกมาพูดอะไรผิดพลาดหรือหลอก พูดแล้วพูดอีก แต่ว่ามันก็ผ่านมาแล้ว ที่สำคัญคือรอบนี้กลับมา ก็มีอะไรที่มัน… ตั้งแต่ก่อนกลับรอบที่แล้ว ผมก็บอกว่าตัวผมเนี่ย จะพยายามขอให้มันเป็นอะไรที่จริงขึ้น อะไรช่วงไหนที่เขาเล่นอยู่ หรือว่าเป็นการงานของเขาในออนไลน์ ผมก็จะเข้าไปน้อยลง ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถทำได้ตลอดเวลา ตัวเราก็ขอให้มันจริงขึ้น การจริงขึ้นมันมีข้อเสียนะครับ หลายคนอาจจะไม่ได้ชอบมากเหมือนเดิม เพราะมันไม่ได้รู้สึกว่าดูแล้วจิ้น ดูแล้วฟิน แต่ตัวผมขอให้มันเป็นตามความจริง ความที่มันจะมีการพัฒนาขึ้นมาจริงๆ อย่างนี้น่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่า แล้วพอกลับมารอบนี้ เราก็ได้คุยกันจริงจังมากขึ้นด้วย”

แต่ตอนนี้เวลาอยู่ด้วยกัน แฟนๆ ก็ยังจิ้น ยังฟินอยู่?
“ก็รู้สึกดีใจ มีหลายคนที่ไม่ชอบเราไปแล้ว ไม่ชอบเขาไปแล้ว แต่เหมือนมันไม่มีอะไรดู เขาก็ยังเปิดใจกลับมาดูผม ก็ขอบคุณทุกคนมากๆ เมื่อไหร่ที่ผมโดดเข้าไป คุณก็จะได้เห็นสิ่งที่มันเป็นเรื่องจริงมากที่สุด แล้วก็พัฒนาอะไรมากขึ้น ตอนนี้มันก็พัฒนามากขึ้นนะ พัฒนามากกว่ารอบที่แล้วมากๆ เพราะมีการคุยกันที่แบบ… ไม่รู้เหมือนกันทำไมอยู่ๆ มาคุยกันแบบจริงจังมากขึ้น แต่ผมว่าเขาคงได้รับรู้ ตัวผมก็ได้รับรู้อะไรต่างๆ แล้วก็มีการคุยกันมากมาย”

ต่างฝ่ายต่างเริ่มเปิดใจ เริ่มมีใจให้กันมากขึ้น?
“ใช่ครับผม รอบที่แล้วสำหรับผม ที่มีปัญหาอะไร ก็ไม่เป็นไรนะ ผมถือว่ารอบที่แล้ว ไอ้ที่มันผ่านมาก่อนจะกลับมารอบนี้ ผมคิดอย่างเดียวเลย ว่าไม่เป็นไร ผมเริ่มใหม่ได้ตลอด ผมรู้สึกว่ายังไงถ้าเรามีความรักและมีความสุข ยังไงมันก็ดีกว่าอยู่แบบทุกข์ๆ”

ที่คุยกันมากขึ้น คุยเรื่องสถานะบ้างไหม?
“ตอนแรกผมคุยเรื่องสถานะ จนผมไม่คุยแล้ว ผมพูดตรงๆ ว่าผมพูดจนผมไม่คุยแล้ว แต่ว่าตอนหลังเมื่อวันสองวันที่ผ่านมา ก็ได้มีโอกาสมาคุยกันอีกทีหนึ่ง (แฟนไหม?) สำหรับผมถ้าใครเห็นอยู่แล้ว ผมรู้อยู่แล้ว แล้วคือผมยกให้เป็นคนเดียวอยู่แล้ว ไม่เรียกนัมเบอร์วันด้วย เพราะมันคือคนเดียว ที่ผมบอกตลอดว่าผมมี จนบางทีผมก็เบื่อกับคำถามนี้เหมือนกัน ผมก็รู้สึกว่า ปล่อยไปให้ดูการอยู่ด้วยกัน การอยู่ด้วยกันก็น่าจะดูออกอยู่แล้วนะ ยิ่งตอนหลังๆ ผมรู้สึกว่า ถ้ามันอะไรที่จริงขึ้น น่ารักขึ้น ให้ใจคนดูขึ้น มันก็เป็นอะไรที่น่ารักมากๆ เลย”

ความหวานก็ดูมากขึ้น มีเดินซบกัน?
“ไม่หรอก ผมว่ามันน้อยลงกว่ารอบที่แล้วหน่อย อาจจะไม่ได้มาเล่นอะไรมากมาย เพราะตอนหลังด้วยระบบ ด้วยอะไรต่างๆ ในช่องทางทำงาน มันอันตรายมาก ถ้าเราไปตัวติดกันเกิน หรือไปเล่นที่เหมือนจะหอมกันเยอะเกิน มันจะขึ้นเตือนครับ พอขึ้นเตือนบ่อยๆ เดี๋ยวไปมามันจะกลายเป็นทำงานไม่ได้ทั้งคู่เลย ก็พอประมาณๆ แต่ก็ดูเป็นสเปซที่ใกล้เคียงกันอยู่นะ (ยิ้ม)”

วางแผนทำงานยังไง อยู่ไทยกี่วันกลับเกาหลีกี่วัน?
“แผนพวกนี้ไม่ยากเลย เพราะว่าถ้าทุกอย่างพร้อมจริง บ้านเขาพร้อมเราก็มีโอกาสไปก็ไป ที่สำคัญมีเพื่อนๆ อยู่ที่นู้นมากมาย มีเพื่อนๆ อยากมาทำงานกับเราอีกมากมาย คือหลายคนมองว่าเราไปร่วม pk กับน้องๆ ทางนู้นแล้วจุดจบคือการเอาเขากลับมาทำงาน ผมบอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องแย่เลยนะ มันเป็นการซัพพอร์ตให้น้องๆ สุดๆ แล้วที่สำคัญสุดน้องๆ อยากเหมือนกามิน ทุกคนอยากเหมือนกามินมาก ที่นู้นการแข่งขันมันสูง เราไปเดินๆ ที่นู่นไม่มีใครรู้จักเรานะครับ ใครอย่าว่าผมคำนี้นะ แต่พูดตรงๆ เลยที่นู้นเขาดังแค่ติ๊กต็อกเกอร์ แต่สิ่งที่เขาได้รับจากคนไทยคือเหมือนดาราดังคนนึงเลย แต่ละคนมามีคนไปรับที่สนามบินเยอะแยะ

โอกาสนี้มันหายากมาก เขาชั่งน้ำหนักดูแล้ว ผมเนี่ยไม่ได้อะไรเลยนะ แต่เบื้องหลังคือไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพื่อเขียนทุกสิ่งทุกอย่างให้น้องๆ อยู่ได้ยาวๆ ผมอยากให้น้องๆ อยู่ยาวๆ กว่าการนั่งเราะหน้าจอแป๊บๆ คนก็เบื่อก็หมดมุกไป ยิ่งใครไม่ได้เด่นมากแป๊บเดียวก็หมด เราดันใครมาก่อนกามิน เรารู้จักว่าจะทำอะไรให้ใครก่อน เดี๋ยวผมจะกลับมาทำให้น้องๆ ทุกคนครับ นี่คือสิ่งที่ทุกคนหวังทุกคนรอทุกคนอยากเป็นเหมือนกามิน แต่ผมก็ย้ำว่าที่ผมลงไปเล่นผมใช้ใจจริง และผมก็รักคนเดียวจริงๆ “

ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าไม่พร้อมให้ไปที่นู้น?
“รอบนี้คุยกันแล้วว่าได้เลย รอบที่แล้วเขากลับไปเคลียร์งานของเขา แต่ก็ยังไม่ทราบเหมือนกันนะ บางทีเราก็อยากรู้ แต่การที่ถามครั้งแรกแล้วไม่บอกเราก็ไม่อยากกระเซ้าเหมือนที่เพื่อนๆ ถาม ถ้าเขาอยากบอกอะไรเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น มันคือสิ่งที่ดีที่สุด เราไม่ใช่คนเกาหลีเราไม่มีทางรู้ดีเท่าคนเกาหลีที่อยู่ด้วยกันเองหรอก เราเห็นภาพแค่เล็กน้อย วิธีที่ดีที่สุดคือเดี๋ยวผมจะพาเขามา พามาทุกคน มาดูกันคุณชอบใครรักใครก็สนับสนุนได้ ก็เป็นโอกาสดีด้วยน้อยๆ อยากมาทำงานกับเรา บริษัทก็จะพยายามทำงานให้น้องๆ ได้ดีที่สุด จะดูแลให้ดีที่สุดเพราะมันคือความสุขที่ทำให้ผมอยากทำงานต้องต่อไป อยากให้น้องๆ ได้ทำงานระยะยาวด้วย”

กามินกลับรอบนี้ จะกลับไปด้วยไหม?
“ถ้าคุยกันแต่แรกคือเราไม่ได้แพลนกันที่เกาหลี เรารู้อยู่แล้วว่าเกาหลีคือบ้านเขา คุยกันว่าอยากไปที่อื่นมากกว่า มีอีกหลายที่ถ้าเราพร้อมเราไปที่อื่นกัน ไปที่สวยๆ เกาหลีผมไป 4-5 รอบแล้ว เขาก็อยู่มาทั้งชีวิตแล้ว ไปก็ได้แค่กินข้าว หรือเขาเปิดใจให้ไปพบคุณพ่อคุณแม่อันนี้อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าไปเที่ยวเราอยากไปที่อื่นมากกว่า ไปเที่ยวสวยๆ ครับ (คุยกันว่าที่ไหน?) ดูไบก่อนเลยครับ มีอีกหลายๆ ที่ ประเทศสวยๆ วิวสวยๆ คุยกันครับอยากไป (เมื่อไหร่?) เอาทำงานให้รอดก่อน โอกาสไม่ได้เข้ามาง่ายๆ แล้วยิ่งผมไม่ชอบทำงานอยู่แล้ว แต่ในเมื่อมีแรงฮึบว่าเพราะใครเนี่ย แล้วแรงฮึบคือการทำงานแล้วไม่เกี่ยงงานก็คือต้องทำงานให้ได้มากที่สุด อย่าคิดว่าทำงานอาทิตย์สองอาทิตย์แล้วจะไปหยุดสักเดือนสองเดือน บางคนพอหยุดอะไรก็เกิดขึ้นได้ คุณจะกลับมาทำงานอีกทีมันไม่ใช่เรื่องง่าย หรือทำงานแล้วป่วยตายก็อีกเรื่องหนึ่ง นั่นป่ะเราทำงานให้ถึงที่สุดวันหนึ่งจะช่วยเหลือคนก็ไปช่วย วันไหนไปเที่ยวก็ไปเที่ยวให้สนุกที่สุด วางแผนให้ถูกต้องที่สุด ทำให้มั่นคงที่สุด จะไปเที่ยว 10 ปีก็ทำได้”

เป็นแฟนกันแหละเนอะ?
“ใช่ๆ (ยิ้ม) เป็นอยู่แล้วผมอ่ะ (จะจริงจังเรื่องความรักมากขึ้นด้วย?) ผมจริงจังตลอดอยู่แล้วครับ หลายคนชอบด่าผมว่าเป็นเด็กพูดไม่รู้เรื่องง้องแง้ง คุณพาคนๆหนึ่งมาอยู่ตรงนี้ได้หรือเปล่า คุณทำไม่ได้หรอกครับผมพูดตรงๆ ทำให้คนรักเขาเป็นพันเป็นแสน คุณทำไม่ได้หรอกครับ”

เรียกว่าแฟนได้ใช่ไหม?
“ผมเรียกมานานแล้วครับ แต่เขาเรียกเมื่อไหร่เดี๋ยวบอกนะครับ ก็ตามที่ทุกคนเห็นนะครับ”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน