พ่อบุญธรรมแฉ! ดาราชายเนรคุณ สนับสนุนเป็นนักแสดง หมดเงิน10 ล้าน สุดท้ายทิ้งให้เป็นหนี้โดนฟ้องล้มละลาย มิหนำซ้ำทำร้ายร่างกาย

วันที่ 12 มิ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องจาก ดร.ณัฐพงศ์ หรือ พัทธนันท์ พุดหล้า อาจารย์ประจำหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฯ แห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ออกมาแฉว่า โดนนักแสดงหนุ่ม วัย27 ปี ที่เคยปรากฏตัวในละครดังเรื่อง ล่า2017 ซึ่งเป็นลูกชายบุญธรรม เนรคุณ ส่งเรียนมาตั้งแต่ม.3 จนจบมหาวิทยาลัย สนับสนุนให้เป็นดารา หมดเงินไปเป็น 10ล้าน สุดท้ายทิ้งให้เป็นหนี้ โดนฟ้องล้มละลาย มิหนำซ้ำยังเคยทำร้ายร่างกายและจิตใจ

นาย ดร. ณัฐพงศ์ เล่าว่า “ผมแต่งงานมา 10 กว่าปี แล้วไม่มีลูก ก็เลยไปขอเด็กที่ไม่ใช่สายเลือดมาเป็นลูก ขอมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเด็กคนนั้นเป็นลูกศิษย์ทางฝั่งภรรยา โดยรับมาเรียนตั้งแต่ม.3 เขาชอบการแสดงเราก็เลยสนับสนุนไปเรียนเต้นเรียนร้องอัพตัวเองทุกอย่าง ส่งเรียนที่มหาลัยประสานมิตร การแสดงและกำกับ ก็เลยลงทุนให้เขาทุกอย่าง เพื่อที่จะให้เขาเท่าเทียมกับคนอื่น กู้หนี้ยืมสินทั้งกู้นอก-ในระบบ

 

ซึ่งก่อนที่เขาจะไปเรียน เขาก็เริ่มมีผลงานมาบ้าง ตอนนั้นโกโก้ นิรุณ เป็นผู้จัดการ แล้วก็พาไปเซ็นสัญญากับ คุณติ๋ม ทีวีพูล ก็ทำงานเป็นพิธีกร นักแสดง มีละครบ้างแต่ ไม่ได้เป็นตัวหลัก คือรายได้ทุกอย่างที่ภรรยากับลูกบุญธรรมนำไปใช้จ่ายอยู่กรุงเทพ ตนเป็นคนส่งให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคอนโด รถ เพื่อให้พวกเข้าเมืองได้สะดวก ให้เขามีหน้าที่การงานที่ดี

ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ปี1-ปี2 ก็โอเคดี พอเริ่ม ปี3-ปี4 มีคนส่งข่าวให้ฟังว่าลูกบุญธรรมชอบเที่ยวชอบดื่ม ไปนู่น ไปนี่ ไม่ดูแลตัวเอง เพื่อจะเตรียมตัวเป็นนักแสดงที่ดี พอมันเป็นปัญหานี้ เรารู้ข้อมูลมา เราก็เตือนเขา เขาก็เริ่มไม่พอใจ เขาก็เริ่มไม่ดี ไม่คุย พอปี4 จะเรียนจบ ก็เริ่มมีปัญหาเยอะขึ้น แล้วก็เริ่มพูดไม่ดีกับเรา บอกว่าไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเขา เขาจะดูแลตัวเอง เขาจะพาตัวเองเดินด้วยทางของเขาเอง โดยที่ไม่ต้องมีเราเป็นคนสนับสนุนแล้ว

ยิ่งวันรับปริญญาก็ยิ่งไม่เห็นหัวเลย คนเป็นแม่ที่ไปอยู่ด้วยกันก็เข้าข้างกัน ตอนแรกมี3คน พ่อแม่ลูก แต่เรากลับเป็นหนึ่งที่ถูกเขี่ยออกมา ที่ไม่ให้รับรู้เรื่องของเขา หลังจากรับปริญญาเขาก็ออกไปจากเรา โดยที่ไม่มีการติดต่อคุยอะไรเลย ต่อมาเขาขอให้เราเลิกเป็นผู้ปกครองและขอให้เราเลิกกับคนที่เป็นแม่ด้วย ให้3คนพ่อแม่ลูกแยกย้าย

ตอนนี้ฟ้องร้องมา2-3ปีแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขาบอกจะออกจากการดูแล แต่เมื่อปลายปีที่แล้วศาลเพิ่งสั่งให้ไปหย่าให้ยกเลิกความเป็นลูกก่อน ศาลถามเราว่า หนี้สินที่กู้มาให้เขาเรียนใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพ ทั้งแม่ทั้งลูกใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพมา5ปี ใครได้ประโยชน์ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือแม่ลูก เพราะว่าตอนนั้นพวกเขาไม่มีเงินเดือน ไม่มีรายได้

ศาลก็พยายามที่จะสั่งให้สองแม่ลูกรับภาระไปคนละครึ่ง ตอนนี้ก็รอคำสั่งศาลอยู่ว่าจะเรียกไปรับทราบเมื่อไหร่ยังไง แต่ว่ามันก็นานมาเป็นปีๆแล้ว ซึ่งตอนนี้คนที่เดือดร้อนก็คือตนเอง ที่ต้องหาเงินชดใช้หนี้สินที่เคยไปกู้มาต่อเดือน ตอนนี้ก็ถูกธนาคารฟ้องด้วย มันเป็นอะไรที่แย่มาก ส่วนทางเขามีรายได้ ซึ่งเขาไม่เคยมอง ไม่เคยถามเราเลย

ดร. ณัฐพงศ์ เล่าอีกว่า ก่อนที่จะแยกย้ายกัน เขาก็เคยทุบตีทำร้ายด้วย มีรูปและหลักฐาน แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้แจ้งความเพราะคิดว่าเขาจะกลับมาดี โดยในเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว เกิดขึ้นที่ย่านรัชดา มีช่วงหนึ่งที่ ลูกบุญธรรมเขาไม่พอใจที่เราเตือนว่า หากเรียนจบแล้วต้องดูแลตัวเองยังไงเพื่อที่จะให้มีงาน เขาก็โมโห บอกไม่ต้องมาสอน ไม่ต้องมาสั่งเขา เขาบอกว่าเขาดูแลตัวเองได้ดี คือตอนนั้นทะเลาะกัน ทั้งคนเป็นแม่และลูก พอเราพูดเยอะ เขาก็เหวี่ยงเราลงพื้น แล้วก็นั่งทับ จับคว่ำหน้า แล้วก็ทุบ แล้วก็ออกจากบ้านล็อกเราไว้ในบ้าน จากเหตุการณ์นั้น จนป่านนี้ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก

ตอนนี้ปัญหาทั้งหมดมาตกมาที่เรา ในขณะที่พวกเขายังใช้ชีวิตปกติ แถมยังมีคนสนับสนุนเขาอยู่ เราอยากให้เขาออกมารับผิดชอบว่าสิ่งที่เขากว่าจะมีวันนี้ กว่าจะได้งานทำตรงนี้ มันเดินมาจากตรงไหน มันควรจะย้อนกลับมาดูเราบ้าง เขาเคยบอกว่ากับเราด้วยว่า เขาไม่ได้เดือดร้อนนะ รับเขามาเลี้ยงเองก็ต้องดูแลอย่างดี และเขาเคยใช้คำพูดไม่ดีถึงขนาดที่ว่า “มึงไม่ใช่พ่อกูนะมึงจะมาอะไรนักหนากับชีวิตเขา”

หลายๆเรื่องที่มันไม่โอเค เราเก็บมาเรื่อยๆ ตอนนี้มันสุดจะทน ว่าพ่อจะต้องดูแลตัวเองโดยที่ไม่เหลืออะไร ในเมื่อเขายังใช้ชีวิตปกติสุข โดยมีหลายคนสนับสนุนอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดและไม่ออกมารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำว่ากว่าจะมาถึงเวลานี้ได้เงินจากใครมาส่งเสีย อยากให้เขาได้ตระหนักได้สำนึกบ้าง ซึ่งทั้งตัวเขาและคนเป็นแม่ก็ไหลตามกันทั้งคู่

ทำไมอยู่ดีถึงเลิกกับคนเป็นแม่? “ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ถึงเลิก ตอนนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัด มหาสารคาม ก็ดีๆกันอยู่ แต่พอเขารับเด็กคนนี้มาอยู่ในบ้าน หลังเรียนจบม.6 ลูกอยากเรียนการแสดงก็ส่งเรียนที่กรุงเทพ คนเป็นแม่ก็ตามไปดูแล และเข้าข้างกันตลอด เขาบอกเขาจะดูแลกันเองโดยที่ไม่มีเหตุผลอื่น เรารับเลี้ยงเขา รับดูแลเขามาทั้งหมด 10 ปี หมดเงินไป7-10 ล้าน จริงๆเค้าตีตัวออกห่างไปประมาณ 2-3ปีแล้ว แต่พึ่งมายกเลิกตามนิตินัย เมื่อปลายปี63ที่ผ่านมา”

ฟ้องอะไรเขาบ้าง? “ตอนนี้ที่เหลือก็จะเป็นเรื่องของการแบ่งหนี้สิน ในส่วนที่เขาจะต้องรับผิดชอบในช่วงที่เขาใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพ มันจะมีในช่วงที่เรากู้มา เป็นช่วงที่เขาไม่ได้มีรายได้ทั้งแม่ทั้งลูก”

มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเขาประมาณเท่าไหร่? “ที่ศาลสั่งให้ก็คือ 1.5 ล้านบาท ที่รอไปเซ็นเอกสารอยู่ แต่ศาลยังไม่ได้เรียก เพราะว่าติดโควิด”

ที่เราออกมาพูดตรงนี้ เราอยากจะฝากไปบอกอะไรเขาหรืออยากเรียกร้องอะไร? “อยากเรียกร้อง ผลที่เกิดขึ้นกับพ่อตอนนี้ มันคือเรื่องงาน เรื่องหนี้สินที่้เขาทำไว้ มันเป็นก้อนที่เคยกู้ส่งเสียเขา แล้วเรามีการโดนฟ้องร้องหลายรอบ ปรับโครงสร้างหลายรอบ ถ้าไม่ทำตามจะถูกฟ้องล้มละลาย ซึ่งมันเป็นยอดที่เอามาให้แม่กับลูกเรียนตรงนี้แหละ”

“อยากจะให้เขาออกมารับผิดชอบตรงนี้บ้าง เพราะตอนนี้ทางฝั่งเขา ฝั่งแม่เขามีปัญญาพอที่จะชดใช้ เพราะว่าฝั่งเขาอยู่กินกันอย่างสุขสบาย โดยที่เขาไม่ได้นึกถึงคนที่เคยเลี้ยงดูตั้งแต่แรกๆ แล้วก็อยากให้สังคมรู้ว่า หากจะมีการสนับสนุน ให้รู้เบื้องหลังด้วยว่าเขามายังไง เพราะเรามีหลักฐานทุกอย่างตั้งแต่เริ่มเข้ามาในบ้าน”

ดาราหนุ่มเคยไปออกรายการดัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน