ค้านซ้อนค้าน
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ค้านซ้อนค้าน – ไม่เพียงปฏิกิริยาแสดงความเดือดร้อนของประชาชนท่ามกลางสถานการณ์ที่ได้รับผล กระทบจากโรคระบาดโควิด-19 จะถูกมองว่ามีเบื้องหลังทางการเมือง
ความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านที่จัดกิจกรรมระดมเงินช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อนก็ถูกโจมตีทางการเมืองด้วย
ในจำนวนนี้รวมถึงกรณีโฆษกพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลจับประเด็นว่าฝ่ายค้านจัดกิจกรรมเลียนแบบรัฐบาล อีกทั้งยังแจกคนไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ก่อน
การแสดงความเห็นทางการเมืองดังกล่าวไม่เพียงแสดงถึงความอ่อนหัดทางการเมือง ความคิดไม่เป็นเหตุเป็นผล ยังส่งผลเป็นบรรยากาศด้านลบต่อการเมืองที่ไม่จำเป็น
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ทุกคนต้องช่วยกัน และทำเต็มกำลังความสามารถ
เป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายค้านมักวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ส่วนหนึ่งเพราะต้องแข่งขันทางการเมือง และอีกส่วนคือต้องสะท้อนเสียงของประชาชน
ปัจจุบันหากนับเสียงผู้แทนฯ ในสภา คะแนนระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ฉะนั้นการสะท้อนเสียงของประชาชนที่มีจำนวนมากไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล จึงเป็นเรื่องสำคัญ
โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องการบริหารเศรษฐกิจที่ต้องจัดสรรงบประมาณอันได้มาจากภาษีประชาชน
รัฐบาลเป็นฝ่ายบริหารที่มีอำนาจในการตัดสินใจ แต่เงินภาษีย่อมมาจากประชาชนทุกฝ่าย ไม่ใช่เงินของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ต้องสะท้อนความคิดเห็นและเสียงจากประชาชนให้รอบด้าน
สําหรับสถานการณ์ที่โรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ต้องใช้มาตรการควบคุมเข้มงวดและเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงทางเศรษฐกิจ เป็นช่วงที่ทุกคนมีความเดือดร้อน
แต่สังคมที่มีความเห็นอกเห็นใจ และร่วมทุกข์กันนั้น มีคนหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้บริหารระดับเศรษฐี ดารา คนดัง ไปจนถึงสามัญชน ออกมาช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนกว่าตนเอง
เช่นเดียวกับกลุ่มการเมืองที่มีผู้สนับสนุนและติดตามจำนวนมาก ใช้ช่องทางออนไลน์เป็นเวทีระดมความช่วยเหลือ
กิจกรรมที่เปิดเผยและโปร่งใสนี้แม้เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากกว่าใช้อคติ แต่มีคนอีกพวกที่ยังร้องเรียนให้ตรวจสอบว่าผิดข้อบังคับทางกฎหมายหรือไม่ ต้องดำเนินคดีหรือไม่
การกระทำอันไม่เป็นสารประโยชน์เช่นนี้จึงแสดงถึงความอ่อนด้อยทางมนุษยธรรมอีกรูปแบบหนึ่ง