น.ส.สุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ ในเครือ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีความร้อนแรงลดลงเมื่อเทียบกับในอดีต จากปัจจัยหลายด้านทั้งภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เร่งระบายสินค้าเก่า และกำลังซื้อภายในประเทศยังซบเซา รวมถึงปัจจัยจากลูกค้าชาวต่างชาติที่ชะลอลงจากสภาพเศรษฐกิจโลกและส่วนหนึ่งเนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ระดับราคาคอนโดมิเนียมปัจจุบันปรับลดลง ซึ่งระดับราคาดังกล่าวต่ำกว่าราคาช่วงที่เปิดขายในช่วงแรกราว 7-15%
โดยในช่วงที่ราคาคอนโดฯ ปรับลดลงจากระดับปกติเช่นในตอนนี้ จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับคนที่มีความพร้อม โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว โอกาสในจังหวะนี้อยู่ที่ได้ห้องที่มีราคาถูกพร้อมสามารถปล่อยเช่าได้ทันที่ เนื่องจากพบว่าแม้ภาวะตลาดจะซบเซาแต่ตลาดเช่ายังคงเติบโตให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะคอนโดฯ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ที่มีผลตอบแทนการปล่อยเช่าเฉลี่ย 4% กรุงเทพฯ ชั้นกลาง 3.3% และกรุงเทพชั้นนอก 4.1%
นอกจากนี้ จากการสำรวจพบว่า ปี 2560-2562 มีจำนวนคอนโดฯ ที่สร้างเสร็จและยังขายอยู่ในตลาดราว 405 โครงการ รวม 215,479 ยูนิต และคาดว่าจะมีห้องที่สร้างเสร็จจำนวนมากในปี 2563-2565 อีกราว 147,429 ยูนิต จาก 247 โครงการ กดดันให้ผู้ประกอบหลายรายเร่งระบายสินค้าในตลาด เห็นได้จากบางพื้นที่ปรับลดราคาลง โดยการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย
โดยพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน มีคอนโดฯ สร้างเสร็จและขายอยู่ 68 โครงการ ซึ่งบริเวณ เพลินจิต-ชิดลม สีลม-สาทร และสุขุมวิท เป็นทำเลที่มีศักยภาพ ราคายังเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี ทั้งยังสามารถปล่อยเช่าในกลุ่มลูกค้าคนทำงานและชาวต่างชาติได้ ในอัตราค่าเช่าราว 20,000-35,000 บาทต่อเดือน หรือมีผลตอบแทนจากค่าเช่าเฉลี่ย 4%
ทั้งนี้ หากพิจารณารายพื้นที่ พบว่ากรุงเทพฯ ชั้นใน มีคอนโดฯ สร้างเสร็จและยังคงมีการขายอยู่ 68 โครงการ ครอบคลุมบริเวณ เพลินจิต-ชิดลม สีลม-สาทร และสุขุมวิท เป็นทำเลที่มีศักยภาพ ส่งผลให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี ทั้งยังสามารถปล่อยเช่าในกลุ่มลูกค้าคนทำงานและต่างชาติได้ดี มีอัตราค่าเช่า 20,000-35,000 บาทต่อเดือน หรือมีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเฉลี่ย 4% อาทิ โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพรม์ สาทรและไลฟ์ วัน ไวร์เลส
ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นกลาง ครอบคลุมพื้นที่ พระราม3 พญาไท อนุเสาวรีย์ สะพานควาย จตุจักร ลาดพร้าวและรัชดาฯ มีคอนโดฯ สร้างเสร็จ 60 โครงการ มีผลตอบแทนจากค่าเช่าเฉลี่ย 3.3% ซึ่งโครงการที่สร้างเสร็จ 45% อยู่บริเวณลาดพร้าว-โชคชัย 4 และรัชดา-พระราม 9 อัตราค่าเช่า 13,000-20,000 บาทต่อเดือน ได้อานิสงส์จากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ส่งผลให้บริเวณลาดพร้าวมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น มีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า เฉลี่ยอยู่ที่ 2.7% ด้านรัชดา-พระราม 9 มีทั้งอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าและที่พักอาศัยสำหรับชาวต่างชาติ ได้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเฉลี่ยที่ 4.5% อาทิ โครงการเดอะไลน์ พหล-ประดิพัทธ์ และไลฟ์ อโศก พระราม 9 เป็นต้น
ขณะที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกหรือเขตชานเมือง เป็นบริเวณที่มีคอนโดฯ สร้างเสร็จสะสมมากที่สุดราว 70% รวม 127 ผลตอบจากการปล่อยเช่าเฉลี่ย 4.1% ราคาขายส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคาต่ำกว่า 75,000 บาทต่อตร.ม. อัตราค่าเช่าส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 6,500-8,500 บาท อาทิ โครงการเดอะ เบส เพชรเกษม
“แม้ปัจจุบันจะไม่ใช่ปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความคึกคัก แต่เป็นปีที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มีความพร้อมและเน้นลงทุนในระยะกลาง-ยาว เพราะเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้ออสังหาฯ ในราคาที่ถูกลง มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า” น.ส.สุวรรณี กล่าว