- สิงห์อาสา ผนึกกำลัง กองทัพเรือ – ชมรมกู้ภัยทางน้ำและดำน้ำแห่งประเทศไทย ฝึกกู้ภัยทางน้ำทาง ช่วยเหลือภาคประชาสังคม
บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในฐานะผู้สนับสนุนกลุ่ม “สิงห์อาสา” ซึ่งได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนาทักษะความรู้ ความสามารถของอาสาสมัครที่มีจิตอาสาในการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือทางด้านการกู้ภัยทางน้ำ และการช่วยเหลือสังคมในสถานการณ์เมื่อเกิดภัยพิบัติทางน้ำ เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยในชีวิตอย่างถูกต้อง
จึงได้จัดโครงการ “สิงห์อาสา อบรมกู้ภัยทางน้ำทางทะเล และการดำน้ำกู้ภัย (ภาคกลาง)” ช่วงระหว่างวันที่ 12-14 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ สัตหีบ การอบรมในครั้งนี้ เพื่อให้อาสาสมัครมีความพร้อม และเพิ่มขีดความสามารถให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมได้อย่างปลอดภัย รวดเร็ว และสอดคล้องตามหลักมาตรฐานสากล ที่สำคัญสามารถนำทักษะการเรียนรู้ทางด้านการกู้ภัยทางน้ำ ทางทะเล เข้าช่วยเหลือสังคม เมื่อยามเกิดภัยพิบัติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานอย่างสูงสุด
สำหรับโครงการ “สิงห์อาสา อบรมกู้ภัยทางน้ำทางทะเล และการดำน้ำกู้ภัย (ภาคกลาง)” เป็นการประสานความร่วมมือระหว่าง บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับกองทัพเรือ และชมรมกู้ภัยทางน้ำและดำน้ำแห่งประเทศไทย โดยมีอรรถสิทธ์ พรหมสุข ผู้จัดการส่วนกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และ พลเรือโทเชษฐา ใจเปี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคง กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กองทัพเรือ
ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ พร้อมด้วย ทีมครูฝึกจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (SEAL) และชมรมกู้ภัยทางน้ำและดำน้ำแห่งประเทศไทย โดยให้การอบรมแก่อาสาสมัครเจ้าหน้าที่กู้ภัย จำนวน 20 คน จาก 7 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ราชบุรี จ.นครปฐม จ.สระบุรี จ.นนทบุรี จ.อยุธยา จ.อ่างทอง และ จ.นครสวรรค์ ซึ่งถือเป็นพื้นที่จังหวัดที่กลุ่มสิงห์อาสาให้ความช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติน้ำท่วม
ส่วน กลุ่มสิงห์อาสาทั้ง 20 คน ที่เข้ารับการฝึกในโครงการ จะได้รับการอบรมโดยทีมครูฝึกจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (SEAL) ตลอดทั้ง 3 วัน เน้นหลักสูตรดำน้ำเบื้องต้น (Open Water Diver) โดยทั้งหมดจะต้องทำตามขั้นตอนสากลทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยเริ่มตั้งแต่ การศึกษาการกู้ภัยทางน้ำ การฝึกว่ายน้ำ การลอยตัวอย่างถูกวิธี รวมถึงการรู้จักอุปกรณ์ดำน้ำ ฝึกการประกอบอุปกรณ์ดำน้ำ และการใช้อุปกรณ์ดำน้ำอย่างถูกวิธี ฝึกท่าในการดำน้ำอย่างถูกต้อง ทั้งฝึกการใช้เข็มทิศบนผิวน้ำในทะเล และฝึกสกิลดำน้ำ
โดยช่วงแรกของการฝึกนั้นจะฝึกในสระว่ายน้ำก่อนลงภาคปฏิบัติจริงในทะเลสัตหีบด้าน ภาคทฤษฎี สิงห์อาสา ต้องเข้ารับการอบรม เกี่ยวกับ สาเหตุและอันตรายในน้ำ (Hazard in Water) หลักความปลอดภัยในน้ำ (Safety Water) อุปกรณ์ในการกู้ภัยทางน้ำ (Water Rescue Equipment) และการดำน้ำอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ สิงห์อาสาที่เข้ารับการฝึกต้องผ่านการทดสอบการดำน้ำ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ หากสิงห์อาสาผ่านการทดสอบทั้งสองด้าน จะได้รับใบประกาศนียบัตร เพื่อนำองค์ความรู้ตามโครงการไปปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องต่อไปในอนาคต
อรรถสิทธ์ พรหมสุข ผู้จัดการส่วนกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ “สิงห์อาสา อบรมกู้ภัยทางน้ำทางทะเล และการดำน้ำกู้ภัย (ภาคกลาง)” ของสิงห์อาสานั้น ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะการนำเอาความรู้ไปใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยทั้งผู้ช่วยเหลือและผู้ได้รับการช่วยเหลือ เพื่อทำให้สังคมอยู่อย่างปกติสุข
สิ่งสำคัญกลุ่มสิงห์อาสาที่มีจิตอาสานั้นถือว่าเป็นผู้มีจิตใจที่ดี มีจิตใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น บริษัทบุญรอดฯ และกลุ่มสิงห์อาสาเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของการช่วยเหลือประชาชนและสังคม แต่การช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและถูกหลักสากล เพื่อให้ปลอดภัยทุกด้านและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป จึงได้เกิดแนวคิดในการทำโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อให้คนที่มีจิตอาสาเข้ามาร่วมกิจกรรมของสิงห์อาสา เพื่อเดินหน้าช่วยเหลือภาคประชาสังคมให้อยู่อย่างปกติสุขต่อไป
นายศุภกิตติ์ เดชงัด ผู้เข้ารับการอบรมโครงการของสิงห์อาสา จากจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า โครงการนี้ถือเป็นกิจกรรมที่ดี มีประโยชน์ที่กลุ่มสิงห์อาสาจัดขึ้นมา เพราะจะได้นำเอาความรู้ที่ได้จากการอบรมไปใช้ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้อย่างถูกวิธี และสามารถนำเอาความรู้ไปบอกต่อหรือไปสอนต่อให้กับอาสาสมัคร เพื่อนำไปใช้ได้อย่างถูกวิธี
พล.ร.ท.เชษฐา ใจเปี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคง กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กองทัพเรือ เปิดเผยว่า โครงการนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อสังคม ปัจจุบันจะเห็นว่าทุกภาคของประเทศเกิดภัยพิบัติหลายพื้นที่ ทั้งทางบกและทางทะเล และพื้นที่ติดแม่น้ำ ดังนั้นโครงการดังกล่าวถือเป็นการเสริมศักยภาพให้กับมูลนิธิ กลุ่มกู้ภัยต่างๆ รวมถึงกลุ่มสิงอาสาได้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพตามหลักสากล
