คอลัมน์ หลอน

นทธี ศศิวิมล

ยี่สิบกว่าปีก่อนผมไปได้งานโรงงานแถวเพชรเกษม จึงไปหาห้องเช่าแถวนั้นอยู่ งานที่ทำก็พนักงานคุมสายการผลิตรองเท้าแตะที่ใช้ในโรงแรมและโรงพยาบาล เป็นโรงงานเล็กๆ มีพนักงานไม่ถึงห้าสิบคน แต่งานก็เยอะ หัวหน้ามักให้ผมทำงานกะดึกซึ่งเลิกเที่ยงคืน

ผมเองก็ ไม่เกี่ยง มีอยู่คืนหนึ่งหลังเพิ่งทำงานได้ไม่กี่วัน เพื่อนร่วมสายการผลิตคนหนึ่งไม่สบายขออาศัยมอเตอร์ไซค์ผมไปส่งที่บ้านหน่อย บ้านเขาใกล้โรงงาน ปกติผมจะไปอีกทาง ห้องเช่าผมห่างจากโรงงานประมาณสามกิโลเมตร เขาบอกให้ผมเข้าซอยหนึ่งว่าเป็นทางลัด “เดี๋ยวจะบอกทางให้” ผมก็ทำตาม แต่ก็ง่วงเหลือเกิน

ถนนในซอยขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อต้องคอยหลบหลีกจนหงุดหงิด ยิ่งตอนนั้นหน้าฝน ผมอยากจะหักเลี้ยววิ่งกลับเลยด้วยซ้ำแต่รับปากไปแล้วก็ต้องทำให้ได้ นึกภาพต้องกลับมาล้างรถผมหงุดหงิดซ้ำขึ้นมาอีก รถก็รถใหม่ เพิ่งซื้อไม่ถึงครึ่งปี เมื่อไปถึงหอพักของเพื่อนแล้วผมจึงรีบกลับทันที

ระหว่างที่รถวิ่งมาถึงกลางซอยซึ่งไม่มีไฟทางอยู่แล้ว เป็นซอยเปลี่ยว บ้านคนไม่ค่อยมี แต่ละหลังก็ห่างกันมาก ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กเดินอยู่ ท่าทางร้อนรนเหลียวขวาแลซ้าย เหมือนจะหาคนช่วยอยู่ข้างหน้า ผมนึกจะขี่ผ่านเพราะอย่างที่บอกง่วง แต่ใจหนึ่งก็นึกสงสาร จึงหยุดรถถาม “มีอะไรให้ช่วยไหม” เธอหันมา บอกว่า “ช่วยไปส่งโรงพยาบาลหน่อยได้ไหมคะ ลูกอีชั้นตัวร้อนจี๋”

ผมตอบทันที “ขึ้นมา โรงพยาบาลไหน”

“ที่ไหนก็ได้ค่ะ ฉันไม่รู้จักสักแห่ง ไม่ใช่คน แถวนี้”

ผมร้องอ้าว ผมเองก็เพิ่งใหม่ต่อแถวนั้น สมัยนั้น เพชรเกษมช่วงซอยร้อยยี่สิบกว่าๆ ขึ้นไปจะเปลี่ยวมาก แม้จะออกมาถึงหน้าถนนเพชรเกษมแล้วก็ตามก็ยังเปลี่ยวและมืดอยู่ โรงพยาบาลเดียวที่ผมรู้จักก็อยู่เกือบถึงแยกท่าพระ แล้วผมจะทำไงดี ดึกขนาดนี้จะมีคลินิกเปิดหรือ

หันไปมองเห็นเธอร้องไห้ระริกๆ พลางช้อนตัวลูกให้กระชับอก กว่าจะบิดมอเตอร์ไซค์ไปถึงแยกท่าพระนานมาก งั้นตระเวนหาแถวนี้ละกัน ผมนึกพลางเรียกหญิงสาวกับลูกให้ขึ้นซ้อน

กว่าจะผ่านถนนในซอยที่ขรุขระก็ใช้เวลานานแล้ว เมื่อถึงหน้าปากซอย เธอบอกลูกเธอตัวร้อนจี๋ มาก ผมรีบเร่งบิดคันเร่ง แต่ถนนก็มืด นานๆ จะมีรถผ่านมา ผมก้มดูไมล์น้ำมันก็เห็นว่าน้ำมันใกล้หมดอีก ยุ่งละสิต้องรีบหาปั๊มเติม สมัยนั้นปั๊มที่เปิดทั้งคืนก็น้อย แต่ก็ต้องหา ทำไงได้

ผมขี่ไปข้างหน้าเรื่อยๆ น้ำมันใกล้หมดแต่ก็ยังไม่เจอปั๊ม ผมตัดสินใจจอดรถแล้วบอกหญิงสาว “เดี๋ยวผมช่วยโบกรถเก๋งที่ผ่านมา แล้วขอความช่วยเหลือจากเขาดีกว่า”

พูดแล้วผมก็โบกทันที แต่ไม่มีรถผ่านมาจอดให้เลยแม้แต่คันเดียว

ผมคิดก่อนจะพูดว่า “เอางี้ ขึ้นรถ ขี่ไปข้างหน้าหาปั๊ม หมดตรงไหนก็หยุดโบกรถตรงนั้น ถ้ามีปั๊มผมจะเติมแล้วรีบพาน้องกับลูกไปโรงพยาบาล ไกลถึงท่าพระก็ยอม”

แล้วผมก็ขี่ไปข้างหน้าโดยมีเธอกับลูกซ้อนท้าย แต่ก็ไปได้ไม่ไกลน้ำมันก็หมด ผมถามเธอว่าลูกเป็นไงบ้าง เธอย้ำแต่ว่าตัวร้อนจี๋ๆ ผมรีบโบกรถทันที กว่ารถจะจอดก็คันหก รถคันนี้จอดแล้วถามผมว่า มีอะไรหรือ ถามผมก่อนที่ผมจะถาม ผมรีบพูดวัตถุประสงค์ เขาเหลียวขวาแลซ้ายก่อนจะพูดว่า “ไม่มีนี่ครับ”

ผมขมวดคิ้ว เขาพูดต่อ “ผมเห็นคุณยืนพูดคนเดียวตั้งแต่ผมขับอยู่ฝั่งโน้นแล้ว ตอนแรกไม่อยากยุ่งแต่แฟนผมบอกให้ไปดูคุณหน่อย ผมเลยเลี้ยวรถกลับมา”

“ผม ผมมากับผู้หญิงกับเด็กนี่ไง” ผมชี้ข้างๆ เสียงผู้ชายคนขับรถ พูดต่อ “ไม่มีนี่ มีแต่คุณ คนเดียว”

หญิงสาวบอกให้ผมพาเธอไปโรงพยาบาลต่อ

“นี่ไง เธอบอกให้ผมไปโรงพยาบาล” ผมหันบอกเขา

ทันใดนั้นเองชายหนุ่ม ก็ลงจากรถ แล้วเอาอะไรคล้องคอผม ผมสะดุ้งตกใจ รู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ นั่งลงกับพื้น และเป็นเวลาพักใหญ่กว่าผมจะหายมึนหัว สักพักคนขับรถถาม “ดีขึ้นยัง คุณคงเจออะไรสักอย่างแล้วล่ะ”

ผมมองที่หน้าอกตัวเอง เป็นสายสร้อยพระสามองค์ ชายหนุ่มพูดกับผม “หลวงพ่อช่วยคุณแล้วล่ะ” ผมมาได้สติรีบยกมือไหว้ขอบคุณเขา หญิงสาวกับลูกหายไปไหนไม่รู้แล้ว

พรุ่งนี้ผมคงต้องไปทำบุญให้เธอแล้วล่ะ ผมนึก แล้วก็ถอดเอาสายสร้อยพระคืนเขา เขาให้ผมขึ้นรถไปปั๊มน้ำมันข้างหน้าซื้อน้ำมันใส่แกลลอน ที่เขามีในรถแล้วกลับมาส่งผมที่ทิ้งรถไว้ ผมไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้งอย่างสำนึกในน้ำใจ

นี่เป็นเรื่องจริงที่เจอกับตัว เมื่อผมเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนคนนั้นกล่าวขอโทษผมยกใหญ่ เขาไม่นึกว่าแค่มาส่งครั้งแรกผมก็เจอดีเลย ยังเล่าต่อว่าในซอยนั้นเคยมีหญิงสาวพร้อมลูกที่ป่วยจะพาไปโรงพยาบาลแต่ถูกรถชนตายทั้งคู่ก่อน วิญญาณเธอกับลูกวนเวียนหาคนพาไปส่งโรงพยาบาล ไม่ไปผุดไปเกิดเสียที

ผมกลับไปในซอยนั้นบริเวณที่พบเธอ พลางจุดธูปบอกว่าผมจะทำบุญให้ ขอให้เธอไปผุดไปเกิดเสียเถิด เชื่อไหมครับ หลังจากจุดธูปบอกเสร็จ ระหว่างที่ผมขับกลับผมเห็นเธอพร้อมลูกยืนไหว้ขอบคุณผม!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน