รีวิว Ghost Recon Wildlands ทีมพิฆาตทรชนผจญแดนเถื่อน !!

ซีรีส์ Ghost Recon ถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่อยู่คู่วงการวิดีโอเกมมายาวนาน ถ้านับอายุนับตั้งแต่ที่มีการวางจำหน่ายครั้งแรกในปี ค.ศ.2001 นั้น ภาค Wildlands ก็จะถือเป็นปีที่ 16 ของซีรีส์นี้เลยทีเดียว ซึ่งตัวเกมก็ยังคงคอนเซปต์การเป็น tactical shooter ไว้เสมอมาที่ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็นหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษของสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งระดับประเทศอย่างเงียบเชียบไม่ให้ใครรู้ตัว ดังนั้นการจะบุกเข้าจู่โจมที่ใดก็จะต้องมีการวางแผนกันอย่างละเอียดรอบคอบก่อนเสมอทุกครั้ง และในคราวนี้ตัวเกมได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นโดยการขยายขอบเขตของเกมให้เป็น open world ที่เราจะสามารถไปที่ใดก็ได้ แต่การเปลี่ยนแปลงตามสมัยนิยมนี้จะส่งผลอย่างไรกับตัวเกมบ้าง ผมจะขอชี้แจงเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้

เนื้อเรื่อง

ในส่วนของเนื้อหาตัวเกมในภาคนี้จับเอาอนาคตในปี ค.ศ.2019 ที่ประเทศโบลิเวียตกอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรยาเสพติดที่ชื่อ Santa Blanca โดยสมบูรณ์ แม้ว่ารัฐบาลโบลิเวียจะได้รวบรวมสรรพกำลังเข้าต่อกรแต่ความสูญเสียของทั้งสองฝ่ายก็มากมายมหาศาลพร้อมทั้งชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่โดนลูกหลงไปตามๆ กัน เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก รัฐบาลโบลิเวียจึงทำข้อตกลงสงบศึกกับ Santa Blanca ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ารัฐบาลจะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ในกิจการใดๆ ของ Santa Blanca และขอให้ลดการสูญเสียของชีวิตผู้บริสุทธิ์รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐให้น้อยที่สุด แน่นอนว่าพอไม่มีก้างชิ้นโตอย่างรัฐบาลโบลิเวียคอยขัดขวาง อิทธิพลของ Santa Blanca จึงแผ่ขยายออกไปอย่างเกินควบคุม จนทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นกังวลในการเติบโตดังกล่าว มิหนำซ้ำยังเกิดเหตุการณ์วางระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ ในโบลิเวียพร้อมกับเจ้าหน้าที่ปปส.ที่ชื่อ Ricardo Sandoval ที่แฝงตัวอยู่ใน Santa Blanca มานานโดนจับตัวไปทรมานและสังหารอย่างโหดเหี้ยม จึงทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจส่งหน่วย Ghost เข้ามาในโบลิเวียเพื่อทำภารกิจ Operation Kingslayer อันมีเป้าหมายเป็นการทำลายล้างองค์กรยาเสพติด Santa Blanca ให้สิ้นซาก

หากมองจากภายนอกนั้น เนื้อหาของเกมดูมีความน่าสนใจไม่น้อยว่าหน่วย Ghost จะทำลายองค์กรที่มีขนาดใหญ่โตระดับประเทศด้วยกำลังพลแค่ 4 นายได้อย่างไร (ถึงแม้จริงๆ แล้วจะมีความช่วยเหลือจาก Karen Bowman ที่เป็นผู้รับผิดชอบหลักของภารกิจรวมถึง Pac Katari ที่เป็นผู้นำกองกำลังต่อต้านก็ตาม) ซึ่งในทันทีที่ตัวเกมเริ่มต้น เราก็จะได้รับทราบว่าแผนการทำลายองค์กรนี้จะใช้วิธีในการกัดเซาะทีละเล็กละน้อย ไล่จัดการตั้งแต่หัวหน้าระดับรองของทุกส่วนงาน ไม่ว่าจะด้านการผลิต ด้านอิทธิพล ด้านความปลอดภัย ด้านการลักลอบขนสินค้า ไปจนกระทั่งสาวถึงตัวหัวหน้าใหญ่อย่าง El Sueno ได้ที่สุด

การกำจัดจะเริ่มไล่จาก Buchon ไปสู่ Underboss
จากนั้นก็จะเข้าถึง Head ของแต่ละฝ่ายจนสาวถึง El Sueno ได้ในท้ายที่สุด

แต่ถึงอย่างนั้น แม้เนื้อหาจะสามารถจับเอาแง่มุมต่างๆ มาเล่าได้หลากหลาย ทว่าประวัติของหัวหน้าแต่ละคน รวมถึงตัวละครสนับสนุนฝ่ายเราอย่าง Bowman หรือ Katari ก็ไม่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกอินหรืออยากเอาใจช่วยสักเท่าไหร่ ปูมหลังของตัวละครแต่ละคนนั้นตัวเกมอาจนำเสนอให้เราอยากเห็นอกเห็นใจหรือแค้นเคือง แต่สุดท้ายผลที่เกิดขึ้นก็อาจทำได้แค่ให้ผู้เล่นรับรู้รับทราบแล้วก็มุ่งหน้าไปจัดการกับหัวหน้าคนอื่นต่อไปเท่านั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าเนื้อหาของเกมได้รับความช่วยเหลือจาก Don Winslow ผู้แต่งนิยาย The Cartel ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับองค์กรยาเสพติดและเคยได้รับรางวัลในปี ค.ศ.2015 มาแล้ว จึงทำให้เนื้อหาของเกมไม่มีอะไรที่หวือหวาหรือเวอร์วัง ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงทั้งหมด ปูมหลังของตัวละครแต่ละคนคือสิ่งที่เราอาจเคยอ่านหรือเคยเห็นผ่านตาจากหน้าจอโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์จนชินตา แม้กระทั่งบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดในคราวนี้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง good ending ของเกม) ก็สมจริงซะจนอาจทำให้ผู้เล่นหลายคนที่อยากสัมผัสความรู้สึกประหนึ่งเป็นฮีโร่แห่งความยุติธรรมที่คอยกำจัดความชั่วร้ายต้องรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าจนได้สติเลยก็เป็นได้ว่านี่แหละคือความเป็นจริงที่พวกคุณต้องเผชิญ

การดำเนินเรื่องของเกมนี้ หากว่ามีการนำไปปรับเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์คนแสดงจำนวนตอนไม่มาก อาจจะได้รับคำชื่นชมมากมายก็เป็นได้ แต่เมื่อนำมาใส่ในวิดีโอเกมที่ผู้เล่นจะต้องใช้เวลาในการเล่นเป็นเวลานานจึงอาจทำให้ศักยภาพของเนื้อหาโดนลดทอนลงไปอย่างช่วยไม่ได้

เกมเพลย์

เกมภาคนี้ยังคงความเป็น tactical shooter เอาไว้ครบถ้วน นั่นคือก่อนที่เราจะบุกเข้าจู่โจมในสถานที่ใดหรือพื้นที่ใดเราจำเป็นต้องตรวจสอบบริเวณโดยรอบก่อน และวางแผนว่าจะใช้วิธีใดหรือกลยุทธ์ใดในการบุกจู่โจม ดังนั้นตัวช่วยสารพัดประโยชน์อย่าง drone จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการสำรวจพื้นที่ก่อนการบุกจู่โจมในทุกครั้ง นอกจากนี้แล้วระบบ sync shot ที่เป็นการสั่งการให้ลูกทีมคอยยิงศัตรูในจังหวะเดียวกันกับเราเพื่อทำการกวาดล้างศัตรูในคราวเดียวก็เป็นระบบที่สำคัญยิ่งอีกระบบหนึ่งเพื่อไม่ให้ศัตรูรับรู้การดำรงอยู่ของตัวเรา แต่ไม่ว่าเราจะวางแผนไว้ดีแค่ไหนก็ตาม ด้วยความที่เกมภาคนี้เป็น open world จึงอาจมีปัจจัยที่ทำให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ทั้งหมดด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้บดบังทัศนวิสัยของผู้เล่น หรือแม้กระทั่งการที่มีกองกำลังฝ่ายที่ 3 ปรากฏตัวออกมาในขณะที่เรากำลังบุกจู่โจมอย่างเงียบเชียบ จนทำให้สมรภูมิแปรสภาพไปเป็นการระเบิดกระสุนใส่กันซึ่งหน้าแทน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้เล่นจะพบเจอได้ทั้งเกม

ผู้เล่นสามารถปรับแต่งหน้าตาตัวละครได้ค่อนข้างหลากหลายพอสมควร และจะเลือกเป็นชายหรือหญิงก็ตามแต่ปรารถนาหากแต่บรรดาเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่างๆ จะไม่มีผลอะไรกับขีดความสามารถของตัวละคร เพราะการเพิ่มความสามารถตัวละครนั้นจะต้องอาศัย skill point เพื่อนำไปปลดความสามารถที่จะช่วยให้การเล่นของเราสะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลดการสั่นไหวในขณะเล็งปืน ช่วยทำให้สามารถใช้ drone ได้นานขึ้น ทำให้มีอาวุธเสริมอย่าง C4 มาใช้งาน หรือแม้แต่ทำให้ร่างกายทนทานต่อกระสุนปืนมากขึ้น เป็นต้น โดยที่ skill point เหล่านั้นผู้เล่นจะได้มาจากการทำภารกิจหรือเล่นเรื่อยเปื่อยจนได้ EXP มา เมื่อเก็บครบถึงจุดหนึ่งตัวละครผู้เล่นก็จะเลเวลอัพและได้ skill point มา หรือจะหาเก็บ medal เอาตามแต่ละพื้นที่เพื่อให้ได้ skill point มาก็ย่อมได้ นอกจากนั้นแล้วยังมี medal พิเศษที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของผู้เล่นเป็นการถาวรได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน

สกิลที่มีให้เลือกใช้นั้นมีมากมาย ซึ่งเมื่ออัพสกิลอย่างน้อยทุกสกิลในขั้นแรก
ก็จะเป็นการปลดล็อค Epic Skill อัตโนมัติ

ในส่วนของอาวุธที่มีให้ใช้นั้น มากมายมหาศาลซึ่งวิธีการได้มาก็มีอยู่ 2 วิธีหลักนั่นคือหาเก็บเอาตามสถานที่ต่างๆ และอีกวิธีหนึ่งก็คือได้มาหลังจากที่กำจัดบรรดาหัวหน้าแต่ละคนไปได้แล้ว ซึ่งอาวุธหลายชิ้นเราสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ เว้นแต่อาวุธ unique ที่เราจะไม่สามารถปรับแต่งอะไรได้เลย ถึงอย่างนั้นจำนวนอาวุธที่มีให้ในเกมก็มากพอที่จะให้ผู้เล่นได้เลือกอาวุธที่เหมาะกับสไตล์การเล่นของตนเอง จะปืนไรเฟิลจู่โจม ไรเฟิลซุ่มยิง ปืนกลหนัก ฯลฯ มีมาให้เลือกใช้ครบครัน

นับว่าโชคดีที่บอดตาซ้าย ไม่อย่างนั้นคงจะเล็งปืนลำบากเอาเรื่อง

ยวดยานพาหนะในเกมก็มีให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบตามสไตล์เกม open world ที่พึงมี เรียกได้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงมีอะไรให้ขับได้ในเกมนี้ก็มีให้ขับได้ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ รถกระบะ รถสปอร์ต เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบิน ฯลฯ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าเกมนี้ไม่มียานพาหนะเฉพาะตัวให้เราสามารถปรับแต่งเป็นของตัวเองได้ แม้จะมีระบบในการเรียกขอใช้ยานพาหนะจากกองกำลังต่อต้าน แต่สิ่งที่ได้มาก็จะเป็นพาหนะที่สามารถหาได้ทั่วไปในเกมไม่ได้มีความพิเศษจากพาหนะอื่นๆ แต่อย่างใด

มาว่ากันด้วยภารกิจของเกมกันบ้าง เป็นที่น่าเสียดายอย่างหนึ่งที่แม้แผนที่ในเกมจะกว้างใหญ่ แต่ภารกิจที่ได้พบเจอส่วนใหญ่จะมีแค่ไม่กี่รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจหลักตามเนื้อเรื่องหรือภารกิจรองก็ตามที ในส่วนของภารกิจหลักมักจะไม่มีอะไรมากไปกว่าการลอบบุกเข้าในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งแล้วสังหารตัวหัวหน้า หรือในบางครั้งอาจเป็นการลอบเข้าไปในพื้นที่เพื่อทำภารกิจบางอย่างโดยห้ามไม่ให้ศัตรูพบเห็นตัว และเมื่อพิจารณาในส่วนของภารกิจรองก็จะจำแนกออกได้เป็นการบุกจู่โจมอาคารส่งสัญญาณที่เราต้องระเบิดประตูเข้าไปแล้วจัดการ hack คอมพิวเตอร์ในเวลาที่กำหนด การตั้งรับไม่ให้ศัตรูมาทำลายรถส่งสัญญาณของเรา การแย่งชิงรถหรือคอปเตอร์ขนทรัพยากรแล้วนำกลับมาให้กองกำลังต่อต้าน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คือภารกิจที่มีให้ทำในทุกพื้นที่ที่เราเข้าไปถึง ซึ่งบรรดาภารกิจรองทั้งหลายดังกล่าว แม้ไม่ทำก็ไม่ส่งผลอะไรกับตัวเกมแต่อาจทำให้เล่นได้ลำบากกว่าเดิม เพราะรางวัลจากการเคลียร์ภารกิจรองมักเป็นการอัพเกรดความช่วยเหลือจากกองกำลังต่อต้านหรือเป็นทรัพยากรที่ให้ผู้เล่นนำไปใช้อัพสกิลได้

แผนที่ในเกมนั้นกว้างใหญ่มาก แต่ภารกิจในแต่ละพื้นที่กลับไม่ต่างกันเท่าไหร่

ด้วยความที่รูปแบบภารกิจมีแค่ไม่กี่รูปแบบอย่างที่ได้กล่าวไปนี่เอง สิ่งที่ผู้เล่นหลายคนจะทำเมื่อเข้าไปยังพื้นที่ใหม่ๆ จึงมักจะเป็นดังนี้คือ 1. มองหาสัญลักษณ์ intel เพื่อปลดล็อคตำแหน่งของ medal หรืออาวุธใหม่หรือภารกิจรองบนแผนที่ 2. วิ่งไปทั่วพื้นที่เพื่อไล่เก็บ skill point ไล่เก็บอาวุธ และทำภารกิจรอง 3. ทำภารกิจเนื้อเรื่องหลัก จึงทำให้ในบางครั้งแม้จะเปลี่ยนพื้นที่ไปแต่ก็ทำให้การเล่นในแต่ละพื้นที่แทบไม่มีอะไรแตกต่างกันไปจากเดิมเท่าไหร่นัก

ศัตรูในเกมแบ่งออกได้เป็น 2 พวกใหญ่นั่นคือ Santa Blanca เปรียบเสมือนยูนิตศัตรูทั่วไป กับอีกพวกคือ Unidad ซึ่งเป็นกองกำลังพิเศษของรัฐบาลโบลิเวีย โดย Unidad นี่เองที่จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นตำรวจจากซีรีส์ Grand Theft Auto เพราะทันทีที่เราต่อกรกับพวกมันแล้วจะมีการเรียกกำลังเสริมมาหนุนเรื่อยๆ เราไม่สามารถกำจัดพวกมันให้หมดได้ ถึงจุดหนึ่งจะต้องหนีเพื่อสลัดการตามล่าให้พ้นเท่านั้น และยิ่งเราสู้กับพวกมันมากเท่าไหร่ระดับความเข้มข้นในการไล่ล่าก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น พวก Unidad จึงเป็นกลุ่มที่ควรเลี่ยงให้ไกลหากเราพบเจอมันเป็นการทั่วไป ซึ่งพวก Unidad นี่เองที่มักโผล่มาในจังหวะที่เราไม่คาดคิดจนทำให้แผนการที่วางไว้ต้องเสียหายไปหมด นอกจากนี้แล้วรูปแบบของยูนิตศัตรูในเกมนี้น้อยมาก ไม่มีตัวไหนที่เราต้องใช้วิธีการสู้เป็นพิเศษที่จะมีต่างออกไปบ้างก็คือบางตัวอาจใส่เกราะที่ทำให้อึดขึ้น แต่โดยลักษณะการเล่นก็จะเหมือนกันหมด แม้กระทั่งบรรดาตัวหัวหน้าของแต่ละพื้นที่ก็อยู่ในระดับคนธรรมดาคนนึงเท่านั้นไม่มีใครที่มีความสามารถพิเศษอะไร ทุกคนเท่าเทียมกันเมื่อโดนกระสุนเจาะกะโหลกไปหนึ่งนัด

กองกำลังต่อต้านจะมีอาวุธตามมีตามเกิด ส่วนฝั่ง Santa Blanca และ Unidad ล้วนจัดเต็ม

เมื่อว่ากันด้วยเรื่องของ A.I. ในเกมนี้ คงต้องขอกล่าวว่าไม่ใคร่จะน่าพอใจเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง A.I. ของลูกทีมเราที่มักมีการตอบสนองแบบที่ไม่ตรงใจเราบ่อยครั้ง เรียกได้ว่าแทบจะต้องกดสั่งตลอดเวลาไม่มีการตัดสินใจเฉพาะหน้าอย่างที่คนควรจะมี จังหวะที่ควรบุกจะไม่บุก จังหวะที่ควรถอยจะไม่ถอย หากคุณเล่นคนเดียวจะต้องมีอาการหัวเสียกับ A.I. บ่อยครั้งแน่นอน ซึ่งนอกเหนือไปจากความไม่ได้ดั่งใจของ A.I. แล้ว บางทีพฤติกรรมของ A.I. ในเกมก็ค่อนข้างประหลาด บ่อยครั้งที่ลูกทีมเราวิ่งตัดหน้าศัตรูแต่ทุกอย่างก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และบ่อยครั้งที่เราซ่อนอย่างมิดชิดแล้วแต่เกิดยิงพลาดจนทำให้ศัตรูรู้ตัว ศัตรูกลับสามารถส่งกำลังเสริมมายังจุดที่เราอยู่ได้อย่างแม่นยำแม้ว่าจะห่างกันเป็นสามร้อยเมตรและมีต้นไม้ใบหญ้าปกคลุมตัวเราอย่างมิดชิดก็ตาม มิหนำซ้ำในความห่างที่มองแทบไม่เห็นแบบนี้ แต่หากเข้าสภาวะ engaged เมื่อไหร่ศัตรูจะยิงเราได้แม่นราวกับจับวางแม้ว่ามันจะใช้ปืนกลเบาที่ปกติระยะยิงไม่ควรจะมาถึงด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าในส่วนของ A.I. ค่อนข้างจะขาดๆ เกินๆ ไปพอสมควรเหมือนกัน

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพูดถึงคือระบบลอบเร้นของเกม ด้วยความที่เกมนี้เน้นด้านการลอบบุกจู่โจมหรือลอบเข้าล้วงข้อมูลอย่างเงียบเชียบ ตัวเกมจึงใส่ระบบที่เอื้อผู้เล่นเข้ามาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ drone เพื่อสำรวจพื้นที่ล่วงหน้า หรือแม้แต่การใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อสำรวจพื้นที่ หรือจะขอความช่วยเหลือจากกองกำลังต่อต้านเพื่อทราบตำแหน่งศัตรูในวงกว้างเลยก็ได้ (เป็นการใช้สกิลสนับสนุนอย่างหนึ่ง) และศัตรูรายใดที่เข้ามาอยู่ในรัศมีมุมมองของเราก็จะถูก marked เอาไว้ให้เราติดตามตำแหน่งของมันได้โดยง่าย ซึ่งก็เป็นระบบมาตรฐานของเกมลอบเร้นในปัจจุบัน แต่ทว่าเกมนี้กลับพลาดไปอย่างหนึ่งที่ดันไม่มีระบบที่เกมอื่นมี นั่นคือการเคลื่อนย้ายศพของศัตรู บ่อยครั้งที่ผู้เล่นต้องการเล่นแบบซุ่มเงียบแต่ไม่สามารถทำได้เพราะศัตรูตัวอื่นเดินมาเจอศพจนทำให้สถานการณ์ปกติเปลี่ยนเป็นสภาวะ hunted ในทันที ศัตรูที่เราจัดการไปแล้วเราจะไม่สามารถไปทำอะไรกับมันได้เลยนอกจากปล่อยมันนอนอยู่กับที่รอคนอื่นมาเจอ หรือไม่ก็รอให้ศพหายไปเองเท่านั้น

บางครั้งก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เข้าสภาวะ Hunted อย่างที่เห็น

ระบบ sync shot ถือเป็นอีกระบบที่ช่วยให้ชีวิตของผู้เล่นสะดวกขึ้น แต่ในหลายครั้ง sync shot ก็ดูประหลาดและไม่เสถียร บางครั้งการที่เราสั่งการให้ลูกทีมยิงก็อาจเกิดอาการยิงพลาดขึ้นมาในนัดแรกจนต้องยิงซ้ำ ทว่าถ้าเกิดพลาดขึ้นมาในภารกิจที่ห้ามโดนพบตัวล่ะก็เท่ากับว่าคุณต้องเล่นใหม่ทันที และในบางครั้งที่เรา mark ศัตรูที่อยู่ในอาคารแต่ลูกทีมเราอยู่ด้านนอกอาคารโดยไม่มีมุมยิง แต่พอสั่งการแล้วกลับสามารถยิงเจาะหัวศัตรูได้อย่างแม่นยำจนผู้เล่นก็นึกไม่ออกว่าวิถีกระสุนวิ่งเข้าไปจากด้านไหน

กราฟิก

กราฟิกในเกมนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้หวือหวา อาจเรียกได้ว่าสมกับสถานะของเกมที่เป็น open world ก็ว่าได้ ซึ่งสภาพป่ายามเมื่อฝนกระหน่ำ หรือบ้านเรือนในชุมชนก็ถือว่าทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง แม้ว่าบรรดาวัตถุประกอบฉากอย่างต้นไม้ใบหญ้าจะแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับตัวผู้เล่นเลยก็ตามที เรียกได้ว่าเมื่อเราขับรถผ่านหรือวิ่งผ่านก็จะเป็นการผ่านทะลุไปเลยเฉยๆ โดยที่ไม่มีการสั่นไหวให้เห็น ไม่มีการสัมผัสกันของวัตถุให้เห็น และในหลายครั้งวัตถุประกอบฉากคือสิ่งที่บดบังทัศนียภาพของผู้เล่นเองแต่กลับไม่เป็นปัญหาของบรรดา A.I. ศัตรูเลย นอกจากนั้นแล้วสีหน้าของตัวละครในเกมยังดูค่อนข้างแข็งไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรออกมาให้เห็น โดยเฉพาะตัวละครของผู้เล่นที่แทบไม่เปลี่ยนอารมณ์เลย

ต้นไม้ใบหญ้าก็ทำออกมาดูดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าส่งผลกับการเล่นบ้าง

เพลงประกอบและเสียงพากย์

ในส่วนของเพลงประกอบในเกมนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่มีอะไรที่น่าจดจำเท่าไหร่นัก ยังไม่มีเพลงไหนที่รู้สึกติดหูไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบในสภาวะปกติหรือเพลงประกอบในขณะที่ยิงตอบโต้กับศัตรู ส่วนด้านเสียงพากย์นั้น อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่น ตัวละครหลายตัวสนทนาแบบค่อนข้างไร้ชีวิตชีวาไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาเท่าไหร่นัก ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าตัวละครเหล่านี้ค่อนข้างแบนรายมีมิติเดียว ไม่น่าสนใจ ตัวละครส่วนมากพูดกันด้วยน้ำเสียงโมโนโทน ยิ่งตัวเอกที่เราบังคับยิ่งแทบไม่ปรากฏการแสดงอารมณ์เลย กระทั่งตัวร้ายประจำเรื่องอย่าง El Sueno ก็พูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบประหนึ่งเป็นตัวละครที่เกิดมาเพื่อแสดงความเป็นชายล้วนๆ ไม่มีแง่มุมอื่นๆ นอกจากนั้น

สรุป

Ghost Recon Wildlands ถือเป็นเกม open world แนว tactical shooter ที่ทำออกมาได้ตามมาตรฐาน อาจเรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีว่าถ้าเกมอย่าง Metal Gear Solid V: The Phantom Pain มีโหมด co–op แล้วจะออกมาในลักษณะใด ถ้าคุณอยากเล่นเกมนี้กับก๊วนเพื่อนๆ ของคุณ สามารถหามาเล่นได้เลยเพราะการเล่นกับเพื่อนๆ ที่คุ้นเคยจะช่วยให้ประสบการณ์ในการเล่นเต็มไปด้วยความบันเทิงเฮฮา แต่ถ้าจะซื้อมาเล่นคนเดียวก็สามารถเล่นได้ไม่มีปัญหาเพียงแต่ตัวเกมที่เต็มไปด้วยภารกิจไม่กี่รูปแบบก็อาจทำให้เกิดการเบื่อหน่ายได้ง่ายเช่นเดียวกัน

การเล่นกับเพื่อนจะช่วยให้เกมสนุกขึ้นได้มากทีเดียว

คะแนน

3.5 ⁄ 5 ถ้าเล่นคนเดียว

4 ⁄ 5 ถ้าเล่นกับเพื่อนในโหมด co–op

ที่มา thaigamewiki.com

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน