คอลัมน์ หลอน

นทธี ศศิวิมล

ประจักษ์ ก้มลงมองหมายเลขที่นั่งในตั๋วชมละครเวทีของตัวเอง แสงไฟในโรงละครตอนนี้ยังคงเปิดสว่าง ส่งให้เห็นชื่อนายประจักษ์ตัวเลขแถวที่นั่งและหมายเลขเก้าอี้ได้อย่างชัดเจน

ชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวเดินไปตามพื้นพรมหนานุ่ม ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดรอไว้จนฉ่ำ ประจักษ์สงสัยอยู่ว่า ละครเรื่องนี้ค่อนข้างจะดังในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก แถมยังมีกระแสตอบรับที่ดี มีการโปรโมตทางรายการทีวี ออกรายการเล่าข่าวที่ดังที่สุดในประเทศ แต่เพราะอะไรรอบนี้ซึ่งเป็นรอบแรก คนดูถึงได้หร็อมแหร็มไม่ถึงครึ่งโรงแบบนี้ แต่ละคนนั่งห่างๆ กันไปคนละที่ละที่ ประจักษ์คิดในทางเอาใจช่วยว่า บางทีคนดูอาจจะยังไม่ทยอยเข้ามา ก็ได้มั้ง แต่ในนาทีนั้นเอง ม่านของโรงละครก็ค่อยๆ เคลื่อนเปิดตัวออก ในขณะที่ไฟในโรงค่อยๆ หรี่ลง มีเพียงดวงที่สาดส่องไปทางหน้าเวทีเท่านั้น ที่ค่อยๆ สว่างขึ้น

ประจักษ์รีบหาที่นั่งตัวเองจนเจอแล้วนั่งลงทันที อากาศในโรงละครที่เย็นมากอยู่แล้วดูจะเย็นลงไปอีกทันทีที่แสงไฟมืดลง เขารู้สึกได้ว่าในแถวที่นั่งของตัวเองเริ่มมีคนทยอยเข้ามานั่ง แต่ห่างออกไปข้างละ 2 ที่นั่ง ในขณะที่แถวอื่นๆ ก็เริ่มมีคนเข้ามาเพิ่ม น่าแปลกที่คนดูในรอบนี้ต่างเข้ามากันอย่างเงียบๆ ไม่มีเสียงใครพูดคุยกันเลยแม้แต่คนเดียว

ละครเริ่มขึ้นเมื่อเสียงดนตรีจากไวโอลินแหลมสูงเศร้าสร้อยดังกรีดอากาศแหวกความเงียบในโรงละครให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ตัวละครหญิงใส่ชุดเดรสแขนยาวขายาวเนื้อผ้ารุ่มร่าม ผมสีดำยาวถึงเข่า วิ่งออกมาจากด้านข้างของเวทีแล้วเริ่ม เต้นระบำตามเสียงไวโอลินกรีดแทงเศร้าสร้อย นั้น ท่าทางเหมือนคนกำลังมีความทุกข์โศกอย่าง ร้ายแรง เต้นระบำไปสะอื้นไห้ไปพลางเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นเวที แวบหนึ่งที่นักแสดงหันหน้ามาทางคนดู ใบหน้าสีขาวจัดเหมือนทาสีริมฝีปากก็ขาวโพลนไปด้วย เห็นเพียงดวงตาสีดำด้านไร้แวว ประจักษ์ถึงกับสะดุ้งเฮือกหน้าชาขนลุกไปหมด ทั้งตัว เขารู้สึกเหมือนแวบวินาทีนั้น นักแสดงหญิงคนนั้นจ้องตรงมาทางเขา ใบหน้านั้นคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก

ท่าร่ายรำของเธอและเนื้อผ้าที่พลิ้วไปมานั้นราวกับนางพรายที่กำลังร่ายระบำอยู่ใต้น้ำ ประจักษ์จ้องมองอย่างละสายตาไม่ได้เหมือนถูกสาป ร่างนั้นเคลื่อนไหวไปมาบนพื้นด้วยฝีเท้าเบา นุ่มนวล ลื่นไหลเหมือนไม่ติดพื้น

สักครู่ท่วงทำนองเพลงเริ่มเปลี่ยนไปกลายเป็นเร่งกระชั้นมากขึ้นท่วงทำนองโกรธเกรี้ยวดุดัน ตัวละครเต้นรัวฝีเท้าสลับกับกระทืบ กรีดร้องและหัวเราะเสียงดังกึกก้องโรงละครสลับกันไปมา ประจักษ์สะดุ้งและขนลุกทุกครั้งที่มีการกระทืบเท้าดังปัง บางท่วงท่าก็กราดสายตามองไปทั้งโรงละคร และชี้หน้าคนดูที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด

ดนตรีดูเหมือนจะโหมกระหน่ำให้ดุดันและเกรี้ยวกราดโหดร้ายจนถึงที่สุด ตัวละครที่ดูราวปีศาจจากขุมนรกคืบคลานบิดเบี้ยวลงมาจากเวทีก่อนยืดตัวขึ้นวิ่งสุดฝีเท้าไปที่คนดูคนหนึ่งอีกฟากของโรงละคร ยืนชี้หน้าด้วยดวงตาดุดันและคว้าข้อมือคนคนนั้น ลากแขนให้เดินตามขึ้นมาบนเวที

ตอนนี้ประจักษ์เหงื่อแตกเต็มตัว นั่งหายใจไม่ทั่วท้อง อยากจะเดินออกไปจากที่นี่ แต่ก็เหมือนถูกสะกดไม่ให้ลุกไปไหน เขามองตามต่อไปจนคนดูคนนั้นเดินตามขึ้นไปบนเวทีที่ตอนนี้มีตะแลง แกงสำหรับแขวนคอคนถูกเลื่อนมาที่กึ่งกลางเวที

นักแสดงชุดดำลากคนดูคนนั้นไปที่ตะแลงแกง ดึงตัวขึ้นไปยืนที่หน้าบ่วงแขวน ไม่ดิ้นรนอะไรเมื่อนางละครเอาบ่วงนั้นคล้องคอเขา วินาที ถัดจากนั้น ดนตรีหยุดบรรเลง ความเงียบสงัดครอบคลุมพื้นที่ ร่างของชายคนนั้นถูกผลักให้ห้อยแขวน ขณะกำลังดิ้นทุรนทุราย ประจักษ์เห็นใบหน้านั้นถนัดขึ้น ให้ตายเหอะ ทั้งชุด ทั้งหน้าตา นั่นมันตัวเขาเอง!

ประจักษ์ตกตะลึง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ขนหัวลุก นี่มันบ้าอะไรกัน ไม่ใช่การแสดงแล้ว เขาอยากวิ่งออกไปแต่ก็ขยับไม่ได้ ทันใดนั้นตัวละครนางชุดดำวิ่งมาที่เขาแล้วยกมือชี้หน้า ดวงตาดำเหลือกกว้างบนใบหน้าสีขาว “มึง…มึง…มึง…” เสียงนั้นห้าวใหญ่เหมือนเสือคำราม

แล้วประจักษ์ก็สะดุ้ง สุดตัว ระลึกได้ในตอนนั้นเองว่าเธอคนนี้คือใคร

เมื่อหลายปีก่อน เขากับนางละครคนหนึ่งเคยคบหามีความสัมพันธ์กันเขาหลงเธอมาก แต่เมื่อเธอได้รับคัดเลือกให้ไปแสดงที่ต่างประเทศ เขาหวงจนเกิดน้อยใจ ทะเลาะเบาะแว้งที่หลังโรงละครแล้วพลั้งมือบีบคอเธอจนเสียชีวิต หลังจากนั้นประจักษ์อุ้มเธอขึ้นแขวนคอกับผ้าดำที่ใช้ทำฉากทั้งน้ำตา อำพรางศพว่าฆ่าตัวตาย

มือเย็นเฉียบรวมข้อมือเขาแล้วกระชากให้เดินตามขึ้นไปบนเวที ประจักษ์เดินตามอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาเริ่มร้องโวยวายให้คนช่วย แต่ทุกคนก็นิ่งเงียบ จนกระทั่งเขาถูกนำเข้าแขวนคอ ใบหน้าสีขาวกับดวงตาดำกระด้างชะโงกหน้าเข้ามาจนติด “มึงยังจำไม่ได้อีกเหรอ กูไม่ได้ตายคนเดียว”

วินาทีที่ร่วงหล่นและเชือกรัดรอบลำคอนั้นเอง ประจักษ์จึงจำได้ว่า เขาทนความรู้สึกผิดไม่ไหวและแขวนคอตายตามเธอหลังจากนั้นไม่นาน การรับรู้สุดท้ายก่อนจะวูบดับ ประจักษ์เห็นคน ในโรงละครทั้งโรงล้วนเป็นตัวเขาที่นั่งมองมาทางตะแลงแกงด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด

ใบหน้าสีขาวแสยะยิ้มปากกว้างถึงหู “ทีนี้เราก็จะได้อยู่และเล่นละครด้วยกันไปอีกนานแสนนานเลยละค่ะที่รัก” เธอว่าพลางหัวเราะเสียงแหลม ยาวกึกก้องก่อนวิ่งลงไปชี้หน้าและคว้าประจักษ์คนต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน