คอลัมน์ ข่าวสดหลากหลาย

วิศวัสต์ วอนญฤทธิ์

เมื่อพูดถึงประเทศเดนมาร์ก หลายคนคงนึกถึงกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของประเทศ

ด้วยความที่เป็นเมืองท่าเก่าแก่ตั้งแต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 10 เปรียบดังประตูสู่ประเทศในคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ที่ประกอบด้วย เดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยว นั่งรถ ขี่จักรยาน หรือแม้แต่ล่องเรือเที่ยวชมความงามได้อย่างหลากหลาย

การเดินทางก็แสนสบาย ด้วยสายการบินไทย มีเที่ยวบินตรงรวดเดียว 10 ชั่วโมง จากสุวรรณภูมิ-กรุงโคเปน เฮเกน โดยไม่ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องให้เสียเวลา

เมื่อมาเยือนโคเปนเฮเกน สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ รูปปั้นเงือกน้อย (The Little Mermaid) ที่นั่งอยู่บนก้อนหิน สร้างจากสำริดมีขนาดความสูงประมาณ 1.25 เมตร น้ำหนักประมาณ 175 กิโลกรัม อยู่บริเวณริมอ่าวโคเปนเฮเกน ตรงข้ามกับโรงผลิตเบียร์คาร์ลสเบิร์ก

รูปปั้นนี้เกิดจาก นายคาร์ล จาค็อบเซน ผู้ก่อตั้งโรงกลั่นเบียร์คาร์ลสเบิร์ก ได้ดู บัลเลต์เรื่อง The Little Mermaid ที่เขียนขึ้นโดย นายฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน ศิลปินชื่อดังชาวเดนมาร์ก ที่ยังแต่งเทพนิยายอีกหลายเรื่อง เช่น ลูกเป็ดขี้เหร่ เด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ ฯลฯ แล้วรู้สึกประทับใจในนิทานเรื่องนี้มาก จึงเป็นแรงบันดาลใจให้จ้าง นายเอ็ดวาร์ด อีริกเซน นักปั้นฝีมือดีลงมือปั้น โดยสร้างและนำมาตั้งไว้เมื่อ 23 สิงหาคม ค.ศ.1713

แต่เรื่องราวของรูปปั้นนางเงือกนั้นช่างเศร้าไม่แตกต่างจากนิทาน ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 เป็นต้นมา รูปปั้นถูกลักลอบทำ ความเสียหายหลายครั้ง ทั้งตัดศีรษะ แขน พ่นสีใส่ หรือถูก นักท่องเที่ยวปีนป่ายเพื่อถ่ายภาพ

ปัจจุบันรูปปั้นที่จัดแสดงอยู่เป็นรูปจำลองที่ทำขึ้นมาใหม่ ส่วนรูปปั้นตัวจริงถูกรักษาอยู่ในสถานที่ไม่เปิดเผย ภายใต้การครอบครองของทายาทของนายเอ็ดวาร์ด อีริกเซน

สวนสนุกทิโวลี่ (Tivoli) เป็นหนึ่งในสวนสนุกที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีเนื้อที่ 30 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ออกแบบก่อสร้างโดย จอร์จ คาร์สเทนเซน เริ่มเปิดให้บริการ เมื่อปีค.ศ.1843 จนถึงปัจจุบันมีอายุถึง 174 ปี

ภายในสวนสนุกเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ เครื่องเล่นต่างๆ และสวนดอกไม้นานาชนิด มีการจัดแสดงดนตรีสด โรงละคร และยังเป็นแหล่งรวมร้านอาหารชั้นเลิศของเมือง ทั้งแบบนั่งทานอาหารในบาร์และร้านอาหารริมน้ำ แถมยังมีโรงแรมที่พักให้ด้วย

ท่าเรือนูฮาวน์ (Nyhavn) ท่าเรืออันเก่าแก่ของโคเปนเฮเกน ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของตัวเมือง สร้างตามพระประสงค์ของพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 5 ที่ทรงรับสั่งให้สร้างท่าเรือใกล้ๆ ตัวเมืองหลวง เพื่อให้สะดวกต่อการขนย้ายสินค้า และใช้เป็นท่าเรือพาณิชย์สำหรับเรือจากทั่วทุกมุมโลกมาเทียบท่า

ในสมัยก่อนพื้นที่ริมน้ำย่านนี้ทรุดโทรมมาก แต่ในปัจจุบันได้รับการบูรณะ ปรับปรุงขึ้นมาโดยยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของอาคารบ้านเรือนสมัยเก่าไว้ แต่มีการทาสีใหม่ให้สดใส จนกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งของเมือง

บริเวณท่าเรือเต็มไปด้วยร้านอาหารชื่อดังมากมาย ผับ บาร์ และร้านขายของที่ระลึกที่สวยงาม รายล้อมไปด้วยตึกสีสันสดใสมากมาย ที่หน้าทางลงท่าเรือ มีสมอเรือขนาดใหญ่ตั้งอยู่เป็นอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงทหารและลูกเรือที่เสียสละกว่า 1,700 ชีวิตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

ในช่วงฤดูร้อน ท่าเรือนูฮาวน์ เป็นที่นิยมสำหรับชาวเดนมาร์กมานั่งรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังสามารถหาซื้อเครื่องดื่มจากร้านขายของชำแล้วมานั่งที่ท่าเรือได้ตามอัธยาศัย และยังเป็นที่สำหรับลงเรือล่องเรือชมวิวและสถานที่ต่างๆ รอบกรุงโคเปนเฮเกนอีกด้วย

พระราชวังอมาเลียนบอร์ก เป็นพระราชวังที่พระราชินี มาร์เกรเธอที่ 2 แห่งราชวงศ์เดนมาร์กประทับอยู่ พระ ราชวังแห่งนี้ก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมร็อกโคโค ประกอบด้วยอาคาร 4 หลัง ปลูกล้อมรอบลานจัตุรัสที่รถสามารถวิ่งผ่านเข้ามาได้ ตรงกลางลานจัตุรัสมีอนุสาวรีย์ของกษัตริย์เฟรเดอริกที่ 5 หล่อด้วยสำริดในอิริยาบถทรงม้าน่าเกรงขาม

จากอนุสาวรีย์มองตรงเข้าไปจะเห็นโดมของโบสถ์เฟรเดอริก เด่นตระหง่านสวยงาม เป็นโบสถ์ทรงโดมที่ใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวียสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1740 ปัจจุบันเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมความงามได้ทุกวันตั้งแต่ 10.00-17.00 น.

นอกจากนี้ที่ฝั่งตรงข้ามพระราชวังมีน้ำพุเกฟิออน (Gefion Fountain) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1908 เป็นน้ำพุขนาดใหญ่ ตรงกลางเป็นรูปหล่อสำริดของราชินีเกฟิออนกำลังถือแส้ไล่วัว 4 ตัว บอกเล่าตำนานการกำเนิดดินแดนเดนมาร์ก

ที่เล่าขานกันว่าเทพเจ้าผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ดลบันดาลให้พระนางกอบกู้ชาติ พระราชินีเกฟิออน จึงร่ายมนต์แปลงร่างลูกชาย 4 คนให้เป็นโค เพื่อไถพื้นดินขึ้นมาจากใต้น้ำ จนเกิดเป็นประเทศเดนมาร์กอย่างเช่นทุกวันนี้

ข้างๆ น้ำพุเกฟิออน ยังมีโบสถ์เก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง ชื่อโบสถ์เซนต์อัลบันหรือโบสถ์อิงลิชเชิร์ช ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวอังกฤษที่เข้ามาตั้งรกรากในเดนมาร์ก สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1887 เป็นสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรีย ด้านนอกทำจากหินไฟ ด้านในทำด้วยหินปูนขาว

อีกสถานที่คือ Round Tower เป็นหอสังเกตการณ์ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และไว้ใช้ดูดาวตั้งแต่ปีพ.ศ.2185 หอสังเกตการณ์นี้รายล้อมไปด้วยสถานที่ต่างๆ และวิวทิวทัศน์ที่เก่าแก่ของกรุงโคเปนเฮเกน ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Norreport Train Station

หากมาถึงโคเปนเฮเกนและไม่มาเดินย่านสตรอยเยท (Stroget) ก็ดูกระไรอยู่ ด้วยความเป็นถนนช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโคเปนเฮเกนตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ถนนคนเดินนี้มีความยาวกิโลเมตรเศษ ครอบคลุมถนน 4 สาย เป็นถนนคนเดินยาวที่สุดในโลก ที่มีความคับคั่งของร้านค้า ตั้งแต่สินค้าราคาถูกและสินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาแพงที่สุดในโลก โดยเริ่มต้นตั้งแต่ศาลาว่าการเมืองที่อยู่เยื้องกับสวนสนุกทิโวลี่ ไปสิ้นสุดบริเวณท่าเรือนูฮาวน์

นอกเหนือจากร้านต่างๆ บริเวณสองข้างทางแล้ว ยังมี จัตุรัสกัมม์เมลทอร์ฟ (Gemmeltorv) และน้ำพุอามาร์เกอร์ทอร์ฟ (Amargertorv) ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ชาวเดนิชนิยม นัดหมายมาพบกัน มีร้านขายช็อกโกแลตร้อน กาแฟ หรือขนมเค้กที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มีให้เลือกมากมายได้บนถนนสายนี้

ช่วงเวลาที่น่ามาเที่ยวเดนมาร์ก คือช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือนก.ค.-ส.ค. อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส อากาศก็ยังเย็นสบายสำหรับคนไทย ผู้คนออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งกันคึกคักมาก เนื่องจากปีหนึ่งช่วงฤดูร้อนที่จะมีแสงแดดอยู่เพียงไม่กี่เดือน

แต่ใช่ว่าช่วงอื่นจะไม่น่าเที่ยว เพราะไม่ว่าจะไปช่วงหนาวหรือร้อน เสน่ห์ของโคเปนเฮเกนก็ไม่ได้น้อยลง ผู้สนใจมาท่องเที่ยวสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ http://thaiembassy.dk/ ของสถานทูตไทย ณ กรุงโคเปนเฮเกน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน