เป็นแม่ไม่ง่าย – “หมอบอกว่าไส้ติ่งอักเสบจนเกือบแตก ลำไส้ส่วนติดกันเริ่มเน่าแล้ว”

ลูกเราตอนนี้อายุ สามขวบ 1 เดือนค่ะ อาการเริ่มแรก สักวันพุธ ลูกบอกว่าปวดท้อง เว้นช่วงปวดท้องสักห้านาทีสิบนาทีก็บ่นปวดอีกปวดแบบเกร็งๆท้อง แล้วก็บอกว่าปวดอึ ก็เลยพาไปอึ ลูกก็อึออกปกติ ตอนนั้นเราเลยไม่ได้คิดว่ามีอะไรผิดปกติอะไร


วันนั้นลูกกลับจากโรงเรียนวันศุกร์ ยายเขาก็พาไปเที่ยว ไปเล่นบ้านลม ก็ไปปีน กระโดด เหมือนเด็กคนอื่นๆ (เราคิดว่าตอนนั้นคงเพราะการกระแทกกระเทือนตอนที่ลูกเล่นเลยไปกระตุ้นอาการปวดท้องให้เกิดขึ้น) พอลูกออกจากบ้านลมมาก็บ่นกับยายว่าปวดท้องมาก ปวดจนลุกไม่ได้เลย นั่งนิ่งเลย แม่เลิกงานมาตอนหกโมงเย็น ลูกยังมีอาการปวดเกร็งเป็นพักๆ ไม่หายปวดจนร้องไห้งอแง และกินข้าวไม่ได้ ก็เลยพาไปหาหมอที่รพ.ประจำอำเภอ เข้าห้องฉุกเฉิน


หลังหมอตรวจแล้ว ทีแรกหมอมองว่าลูกอาจจะมีอาการปวดท้องเพราะกระเพาะอาหารอักเสบเลยให้ยาช่วยย่อย ยาลดกรดมา ให้เราพาลูกกลับบ้านมาก่อนแล้วบอกว่าถ้าเช้าไม่ดีขึ้นให้ไป รพ.อีกครั้ง คืนนั้นลูกไม่ได้นอนเลย บ่นปวดท้องอยู่ตลอดทั้งคืน และมีอาการคลื่นไส้อาเจียนเพิ่มขึ้นมา อาเจียนพุ่งไปสามรอบ

เราก็รอจนเช้า จึงพามารพ.อีกครั้ง หมอก็บอกว่าน่าจะเป็นกระเพาะอักเสบ เลยให้ฉีดยาแก้ปวดท้องและแก้อาเจียนทางเส้นเลือด และบอกว่าไม่ดีขึ้นให้มาใหม่ บอกพยาบาลว่ามาแอดมิทเลย

พอกลับบ้านเหมือนจะดีขึ้นพักใหญ่ ลูกก็เล่น คุย ทำกิจกรรมอะไรของเขาได้ปกติ แต่พอสักบ่ายสาม ลูกก็เริ่มปวดท้องอีกรอบ คราวนี้ปวดมากจนทนไม่ได้ ร้องไห้เสียงดัง ไม่ยอมให้ใครจับท้อง เราเลยพาไปคลินิกก่อนเพราะเห็นว่าใกล้และหมออยู่ตลอด หมอก็ตรวจดู โดยให้ลูกนอนบนเตียงแล้วจะกดท้องดู ปรากฏว่าลองกดท้องน้องเจ็บจนร้องไห้จ้า ทนไม่ได้ ร้องไห้ขอจะกลับบ้านเพราะปวดท้องมาก ตอนนั้นหมอสงสัยว่าน่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ เลยให้รีบไปรพ.ทันที


เราเลยรีบพาลูกไปรพ. เนื่องจากตอนนั้นเป็นวันเสาร์ เวลานั้นไม่มีหมออยู่แล้ว พยาบาลที่ห้องฉุกเฉินก็ให้แอดมิทและโทรแจ้งหมอ ดึกคืนนั้นลูกปวดท้องมาก พยาบาลเวรเลยเจาะเลือดไปตรวจให้ โทรตามหมอมาดู หมอมาเช็คอาการให้แล้วก็ให้ส่งตัวไปที่ รพ.จังหวัด เพราะที่รพ.เดิมไม่มีห้องผ่าตัดใหญ่ ระหว่างทางในรถฉุกเฉินเนื่องจากลูกได้รับยาแก้ปวดและเหนื่อยเพลียมาทั้งวันลูกเลยหลับๆตื่นๆ


พอไปถึงก็ต้องเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อรอหมออีกรอบนึง คนไข้เยอะมาก เลยต้องรอนานมาก พอตื่นขึ้นมาก็เริ่มปวดอีกรอบ พอหมอมาเช็คอาการแล้วก็ให้แอดมิท สังเกตอาการ ให้เอกซ์เรย์ เจาะเลือด ตรวจเลือดอีกรอบ แล้วแอดมิทนอนที่เตียง

ตอนเช้า อาจารย์หมอก็มาตรวจที่เตียงและให้ผ่าตัดทันที ลูกก็ได้เข้าห้องผ่าตัดตอน 10.00 น. ผ่าเสร็จออกมา จึงได้ทราบจากหมอ ว่าไส้ติ่งอักเสบเกือบแตก และลำไส้ส่วนที่อยู่ใกล้ๆอักเสบและเริ่มเน่าแล้ว หมอบอกว่า ถ้ารักษาช้ากว่านี้อีกนิด อาจจะได้รับอันตรายถึงชีวิตได้

ระหว่างที่เรานั่งรอหน้าห้อง เราก็นั่งรอไปร้องไห้ไปสงสารลูก เพราะลูกร้องไห้มาตลอดเวลา เจ็บ ไม่ให้อุ้ม ไม่ให้แตะโดน เป็นครั้งแรกที่ลูกร้องขอให้ช่วยแต่เราช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย ใจมันเหมือนถูกบีบตลอดเวลา หลังผ่าตัดตอนหมอเข็นลูกออกมา เราร้องไห้โฮเลย ร้องไห้เพราะโล่งอกว่าหมอช่วยลูกจนปลอดภัยแล้ว เราก็สบายใจขึ้น

หลังจากนั้นหมอก็ให้งดน้ำและอาหาร 72 ชม. ลูกก็งอแงทั้งเจ็บแผล และร้องไห้หิวอยากกินอาหารแต่กินไม่ได้ หลังจากนั้นก็ให้เริ่มจิบน้ำได้ และอาการเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ

ในวันเดียวกันที่เราเข้าไป เจอเด็กสองขวบที่มาด้วยอาการไส้ติ่งแตกแล้ว ก็ต้องผ่ายาว น่าสงสารมาก เราก็รู้สึกว่าโชคยังดีที่ลูกเรายังไม่เป็นมากขนาดนั้น ยังรักษาได้ทัน


ช่วงอยู่ รพ. เราก็มีซื้อของขวัญ ของเล่นมาปลอบใจลูกที่ รพ.หลายชิ้น อยากให้เขาดีใจ อยากให้มีกำลังใจ อยากเห็นลูกยิ้ม นอน รพ.ประมาณห้าวัน ทุกครั้งที่มีพยาบาลหรือหมอเดินผ่าเตียงน้องก็จะร้องไห้ ดิ้น เกาะแม่ บอกว่าไม่เอาแล้วกลัวแล้ว ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วจะกลับบ้าน แม่ก็ต้องคอยปลอบ ทุกครั้งที่ลูกตื่นมาบนเตียงพยาบาลลูกก็จะมองรอบๆตัว ร้องขอแม่อยากกลับบ้าน ทุกครั้งที่ลูกร้องไห้เราก็จะใจหาย จนบางทีร้องไห้ตามลูกด้วย ให้ทำอะไรก็งอแงไม่ยอมทำสักอย่าง

วันสุดท้ายพอหมอบอกว่าวันนี้กลับบ้านได้แล้ว ลูกก็อารมณ์ดีทันทีเหมือนเป็นคนละคนเลย ยอมทำตามหมด ล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัว ไม่มีงอแง ดูสดใสสดชื่นเลย เราก็สบายใจตามไปด้วย

อยากจะฝากแม่ๆคนอื่นให้ลูกเราเป็นกรณีตัวอย่างว่า ถ้าเด็กบอกว่าเจ็บเมื่อไหร่ เราควรจะใส่ใจให้มากๆ ยิ่งเด็กเล็กๆจะเล่าไม่ค่อยเป็น และโรคบางมันไม่ค่อยแสดงอาการ คนที่ดูและต้องหมั่นถามและสังเกตอาการลูกให้ดีถ้ามีอะไรที่ต้องรักษาจะได้รักษาแต่เนิ่นๆค่ะ

 

ที่มาเรื่องและภาพ คุณแม่กบ น้องปันปัน


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน